ระยะนี้ได้ยินข่าวของ Apple อยู่บ่อยครั้ง ยิ่ง Steve Job ต้องออกจากตำแหน่ง CEO ของบริษัท Apple ด้วยแล้ว และนิตยสาร Fortune เล่มล่าสุด September 26, 2011 ยังลงบทความและเรื่องราวของ Apple ตั้งแต่ Steve Job ก่อตั้งบริษัทจนประสบเหตุการณ์ต่างๆ นานา จนมาถึงทศววรษที่ผ่านมา ในวัยที่ล่วงเลยมาถึงจุดหนึ่ง แต่คนอย่าง Steve Job ก็ยังมีจินตนาการและความฝันที่ผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บนพื้นพิภพนี้ได้อีกมากมาย ในนิตยสาร Fortune นี้ได้เขียนถึงตัว i ที่อยู่หน้า ipod iphone ipad และ icloud บทความเล่าว่า I ตัวนี้ หมายถึง Internet, individual, instruct, inform และ inspire พออ่านไปเจอเข้า โดยเฉพาะคำสุดท้ายนั้น Inspire มันโดนใจครับ มันต้องเริ่มต้นที่ Inspiration หรือแรงบันดาลใจเสียก่อน จึงจะเกิดเรื่องราวดีๆ ในโลกนี้ ผมจึงต้องกลับดูตัวเองและเรื่องราวอื่นๆ ในโลกนี้ ซึ่งล้วนแต่เกิดจากแรงบันดาลในของใครคนใดคนหนึ่ง ที่ช่วยกันสร้างสรรค์โลกและสร้างสรรค์ตัวเอง บางครั้งที่ผ่านมาในชีวิตเราเราอาจจะไม่ได้รู้สึกว่า ความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตเราที่ผ่านมานั้น เกิดจากแรงบันดาลใจเล็กๆ ที่ค่อยๆ ผลักดันเราให้เติบใหญ่และก้าวหน้าไปในชีวิตและการทำงานในสังคมทั้งเพื่อประโยชน์ต่อตนเองและสังคมรอบข้าง
ชีวิตเราก็คงได้แรงบันดาลใจจากพ่อแม่ เพื่อนหรือคนที่รักเรา หรือแม้กระทั่งคนที่เกลียดเราหรือคนที่เราเกลียดเป็นศัตรู ทุกคนหรือสภาวะแวดล้อมต่างๆ รอบๆ ตัวเราสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้เสมอ ความชื่นชมหรือคำเหยียดยามก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจได้ แล้วทำไมทุกคนหรือเพื่อนเรารอบๆ ข้างที่เห็นหรือรับรู้สภาวะแวดล้อมเหมือนๆ กัน แต่ทำไมคนเราถึงมีแรงบันดาลใจไม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ได้เห็นได้ฟังความสำเร็จของคนอื่นๆ เท่าๆ กัน ยิ่งวันนี้การสื่อสารยิ่งรวดเร็วและเข้าถึงทุกคนได้มากขึ้น
นั่นน่ะสิ แรงบันดาลใจไม่ได้มาจากสิ่งภายนอกที่เรารับรู้ไปเท่านั้น แต่เป็นแรงผลักดันจากภายในที่ผ่านกระบวนการคิดของใครคนคนใดคนหนึ่งที่ทำให้เกิดแรงผลักดันจากภายในเพื่อสร้างฝันให้เกิดขึ้น ถ้าผมจะพูดในเชิงการจัดการก็ คือ ภาวะผู้นำ ทุกคนมีภาวะผู้นำที่แตกต่างกัน ผมคิดว่าภาวะผู้นำทำให้เกิดแรงบันดาลใจจากภายใน เรื่องอย่างนี้ทุกคนมีไม่เหมือนกัน ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ก็สามารถเลียนแบบกันได้ แล้วแต่ว่าของใครจะลงตัวกันมากกว่ากัน
ที่จริงแล้วเราทุกคนเจริญก้าวหน้ามาในชีวิตในหลากหลายแนวทางก็เพราะต่างคนต่างมีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกันออกไป ส่วนมากแรงบันดาลใจมักจะโดดเด่นในช่วงแรกๆ ของชีวิต ในวัยเด็ก หรือในวัยหนุ่มที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างชีวิต และเมื่อมองย้อนกลับไปที่จุด Start หรือจุดตั้งต้นของชีวิต เราก็มักจะเห็นความฝันของเด็กๆ หรือคนในวัยหนุ่มที่มีพลังและความมุ่งมั่นมากเหลือเกิน แต่เมื่อผมกลับมาดูตัวเองแล้ว พยายามมองหาแรงบันดาลใจในอดีต ก็พอจะมีบ้าง ไม่ใช่ไม่มี แต่อาจจะไม่โดดเด่นมาก แต่ผมก็นำพาชีวิตมาได้ระยะหนึ่ง เรียกว่าชักเกือบจะหมดแรงเสียแล้ว เริ่มที่จะเห็นฝั่งไกลๆ แล้ว แต่ก็ยังอีกนานพอสมควร ผมก็น่าจะทำอะไรได้บ้างในช่วงชีวิตในตอนครึ่งหลัง หรือบางคนอาจจะบอกว่า ชีวิตยังไม่เริ่มต้นเลย ฝรั่งเขามี Mid life Crisis ตอนอายุ 50 ปีกัน แต่ผมกลับมาดูชีวิต Steve Job ในช่วง 10 ปีหลังนี้ นับเป็นชีวิตที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจให้เกิดจินตนาการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วยผลิตภัณฑ์ของเขา อะไรกันน่ะที่ทำให้คนอย่าง Steve Job ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองและคนอื่นๆ ที่ยกย่องและชื่นชมเขา
ใครกันน่ะ คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมฝันและจินตนาไปข้างหน้า คนที่ทำให้ผมต้องวางแผนการดำเนินชีวิตหรือวางยุทธศาสตร์ชีวิตข้างหน้าได้อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า นี่ คือ ทิศทางที่เราจะเดินไปและจะเกิดประโยชน์กับตนเองและสังคม คนๆ นั้นไม่ใช่ Steve Job แต่กลับเป็น Peter Wish ปีเตอร์ (ชื่อเล่น) วิชช์ (ชื่อจริง) นั่นเองครับ เขาไม่ใช่ฝรั่งที่ไหนหรอกครับ แต่เป็นเจ้าลูกหัวดื้อของผมเองครับ คนไทยแท้ๆ แต่ต้องตั้งชื่อให้มัน Globalization หน่อยเท่านั้น ผมเห็นว่าความคิดความฝันของเด็กๆ นั้นมันง่ายๆ ครับ มันบริสุทธิ์ครับ ความฝันของเขานั้นง่ายๆ และพยายามที่จะตามฝันนั้นให้ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นฝันเล็กก็ตาม แต่พลังของเขานั้นมันมากเหลือเกิน ทำให้เขากล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ อาจจะเป็นพื้นฐานหรือต้นทุนชีวิตเรานั้นไม่เหมือนคนที่อายุมากแล้ว ซึ่งอาจจะคิดมากจนไม่อยากจะตัดสินใจอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เจ้า Peter ลูกผมนั้น มันมีแรงบันดาลใจจนประสบผลสำเร็จอะไรหรอก เพียงแต่ว่า เด็กเขาเห็น เขาจึงอยากจะเป็น เขาจึงพยายาม ส่วนที่เหลือจะพยายามมากหรือน้อยก็แล้วแต่ละคน ผลสำเร็จก็จะเป็นรางวัลของความพยายามของเขา
ชีวิตเราถ้ายังไม่สิ้นลมหายใจ ก็ยังฝันต่อไปได้ ถึงแม้ว่าจะล้มหรือจะผิดหวังอย่างไรในช่วงอายุที่เท่าไหร่ก็ไม่ใช่เป็นประเด็น เรายังสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้อยู่เสมอ เดี๋ยวนี้ความสำเร็จของเด็กหนุ่มอายุแค่ 26 ปี ใช้เวลาแค่ 5 ปี มีเงินเป็นพันล้าน ความสำเร็จของคนหนุ่มเหล่านี้ก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอายุมากกว่าให้สามารถฝันและสร้างฝันให้เป็นจริงได้
ผมบังเอิญไปได้ยินเพลง อีกไม่นานเราก็จากกัน เพลิน-ear น้าหนุ่ม พิมพ์ชนก ที่ร้องว่า “รู้ใหมว่าเวลาทุกวันที่มันหมุนเวียนผ่านไป เป็นจำนวนที่ให้ทุกคนใช้มันได้เทียมเท่ากัน จะกี่ปี กี่เดือน หรือ กี่วัน แม้ทั้งๆ ที่รู้เวลาของเรานั้นมีไม่นาน เท่าที่เห็นทุกครั้งทุกคนใช้มันด้วยความฟุ่มเฟือย น่าเสียดาย น่าเสียดาย” และท่อน Hook ที่ว่า “อีกไม่นานเราก็จากกัน และความฝันมันก็จบไป และชีวิตเธอนั้นมีความหมาย ก็ควรได้ใช้เวลาให้คุ้มไปในทุกวัน” ใช่ครับเวลาของเราก็เริ่มหมดไป แต่อย่าปล่อยเวลาที่เหลือ แค่ทำให้มันหมดไปเลยครับ ทำไมไม่ใช้ให้มันให้คุ้มค่ากับเวลาที่เราทุกคนมีอยู่ แรงบันดาลใจและความฝันเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในการกำหนดเป้าหมาย และการไปถึงเป้าหมายนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราเองที่จะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา มาร่วมกันสร้างบันดาลใจที่เกิดพลังภายในใจของเราทุกคนเถอะครับ เพราะว่าสังคมนั้นจะถูกสร้างสรรค์ได้ก็ด้วยแรงบันดาลใจของคนแต่ละคนในสังคม