วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

Basic : Logistics Transport และ Transport Logistics นั้นต่างกันอย่างไร ?

ที่จริงแล้วผมก็หากินกันอยู่ตรงนี้ล่ะครับ  ได้เห็นได้ยินกันมานานนับสิบ  เขียนกันอย่างนี้พูดกันอย่างนี้มานานแล้ว  ผมเพิ่งจะมาคิดตีความและทำความเข้าใจในความหมายและการใช้งานของสองคำนี้      ไม่ไงจะประดิษฐ์คำว่าลอจิสติกส์ขึ้นมาทำไม    ถ้ามันไม่แตกต่างกัน      แล้วถ้าวางตำแหน่งก่อนหน้าสลับหลังแล้ว    มีความหมายเหมือนกันมันก็จะกระไรอยู่  น่าจะผิดหลักภาษาหรือไม่ก็ไม่รู้  คำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาก็คงจะเปล่าประโยชน์ไปอีก  คงไม่สามารถใช้ในการสื่อสารได้ครบถ้วนและได้กว้างขวางตามที่ต้องการ    ในภาษาอังกฤษนั้น  คำนามหลักคือ ตัวหลัง  คำขยายคือ ตัวหน้าครับ  ส่วนภาษาไทยตรงกันข้ามกันครับ

Transport Logistics คือ ลอจิสติกส์การขนส่ง  เป็นมุมมองของลอจิสติกส์ซึ่งเป็นกิจกรรมในภาพใหญ่ที่ดูแลการไหล  การเคลื่อนย้ายสินค้า  การจัดเก็บสินค้าเพื่อเป้าประสงค์ คือ การนำพาคุณค่าที่อยู่ในรูปแบบของสินค้าและบริการไปให้ถึงมือลูกค้าหรือผู้ใช้ประโยชน์จากคุณค่าที่จะได้รับไป    นั่นคือ ลอจิสติกส์ที่มอง End to End  แต่ Transport Logistics นั้นควรจะเป็นลอจิสติกส์ที่มอง End to End โดยที่มุ่งเน้นลงไปที่ส่วนของการขนส่งที่จะมีผลในภาพรวม End to End   นั่นคือ มองใหญ่ก่อน  มองตั้งแต่ต้นจนถึงมือลูกค้า  เป้าหมายลูกค้าต้องได้รับของหรือสินค้าและบริการ     แล้วคิดว่าจะจัดการกับส่วนการขนส่งอย่างไรเพื่อให้ End to End ที่ว่านี้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้   ประเด็นไม่ใช่จัดการการขนส่งให้ถึงผู้รับของหรือสินค้า   แต่เป็นประเด็นที่จัดการการขนส่งที่จะทำให้มั่นใจว่าลูกค้าได้รับสินค้า   ดังนั้นเราก็จะมี Purchasing Logistics, Manufacturing Logistics, Warehouse Logistics, Distribution Logistics, Retail Logistics  ด้วย  ที่มีเป้าหมายเดียวกัน  มุมมองจะเป็นการมองแบบช้างทั้งตัวหรือ Holistic View แล้วพยายามปรับองค์ประกอบภายในตัวใดตัวหนึ่งซึ่งก็จะมีผลกระทบกับตัวอื่นๆ ด้วย  ดูที่ ปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างองค์ประกอบภายในลอจิสติกส์  และสุดท้ายก็จะมีผลกระทบต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไรบ้าง

ส่วน Logistics Transport นั้นแตกต่างกันครับ คือ  “ขนส่งเชิงลอจิสติกส์”  คำนามหลักก็ คือ Transport  เป้าหมายหลักก็คือ การขนส่งที่สุดของการ Transport ก็คือที่หมายหรือสถานที่และมีคนมารับของหรือสินค้าไป   ไม่จำเป็นจะต้องเป็นลูกค้าผู้ที่ใช้ของนั้น  ดังนั้นขอบข่ายของ Transport จึงเล็กและแคบกว่า Logistics มากยิ่งนัก   แต่เมื่อมี คำว่า Logistics มาเป็นคำขยายอยู่ข้างหน้าแล้วเป็น  Logistics Transport นั่นหมายความว่า  การจัดการขนส่งนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นหรือมองแบบต้นจนปลายในมุมของลอจิสติกส์   แต่ในการจัดการขนส่งจากต้นทาง (Start) ไปยังปลายทาง (Stop) นั้น  ผู้จัดการขนส่งก็ได้ใช้ข้อมูลที่มาจากระดับการจัดการลอจิสติกส์แบบ End to End มาเป็น information เพิ่มเติมเข้าไปในการจัดการขนส่งอีก  จึงทำให้การจัดการขนส่งสินค้าหรือคุณค่าจากต้นทางจนไปถึงปลายทางการขนส่งสามารถตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าในภาพรวมได้

เมื่อมีการมองแบบลอจิสติกส์แล้ว   ก็ต้องมี Logistics Transport  และ Transport Logistics ขึ้นมาพร้อมๆ กันเสมอ  เพียงแต่ว่าจะมองในระดับไหน   ในระดับบินสูง (End to End) ในระดับลอจิสติกส์   หรือ ในระดับบินต่ำจุดต้นทาง (Start) จนถึงปลายทาง (Stop) ในระดับกิจกรรมที่เป็นองค์ประกอบต่างๆ ภายในของลอจิสติกส์  ดังนั้น Model และข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจก็แตกต่างกันออกไป  แต่ที่สุดแล้วมันจะต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน  เพื่อให้เกิดความเป็นองค์รวมในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองที่ผมเฝ้าสังเกตมานาน  แต่ยังไม่เห็นมีใครฟันธงลงไปชัดๆ เท่าที่เห็นทำๆ กัน ส่วนมากจะเป็น เรื่องของ Logistics Transport มากกว่า เพราะยังคงใช้ Model ของ Transportation เดิมได้หรือ Models ต่างๆ ใน OM functions (Operations Management)  เพียงแต่ใส่ข้อมูลใหม่ที่ผ่านการวิเคราะห์ในเชิงลอจิสติกส์และโซ่อุปทานเข้าไปก็น่าจะใช้ได้เลย    แต่ Model ของ Logistics ที่เป็นองค์รวมนี้ยังไม่ค่อยเห็นนะครับ   Model กันยากเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกรณีศึกษาด้วย  ผมคิดว่ามันคือ System Thinking Model หรือ System Dynamics มากกว่า  จึงเลยนำเสนอให้เพื่อนๆ ลอง Comment กันมาบ้าง เผื่อว่ามันน่าจะมีจุดบกพร่องทางความคิดตรงไหนบ้าง  แต่ถ้าทำ OM function ได้ดีแค่ไหนก็เป็นแค่ Local Optimization ถ้าจะให้คิดแบบลอจิสติกส์และโซ่อุปทานแล้วจะต้องคิดแบบ Global Optimization