วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

My Journal บินสูงบ้าง…..มองปัญหาที่โครงสร้าง

วันนี้การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้ง  หลังจากชีพจรไม่ได้ลงเท้ามานาน  อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปมาเกือบทั้งอาทิตย์  ไปมาภาคตะวันออก 3 รอบ  บินขึ้นเหนือไปอีก 2 รอบ  ก็แปลกดีครับ  ครึ่งปีแรกไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไหร่  พอเข้าครึ่งปีหลังพอมาได้ไปไหนก็มากันติดๆเลยครับ   ผมชอบเดินทางโดยเครื่องบินในระยะสั้นๆไปกลับกรุงเทพฯ  เชียงใหม่ เชียงราย  ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นานมากนัก  ดูมันเป็นเวลาที่เป็นส่วนตัวมากๆ  ไม่ต้องรู้จักใคร  และไม่อยากให้ใครมารู้จัก  อยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก   มันเป็นโลกส่วนตัวจริง   ผมก็เลยอ่านหนังสือจบเป็นเล่มๆ ไปเลย   ปีที่แล้วก็อ่านไปได้หลายเล่ม    เวลาไม่ได้เดินทางก็ไม่ได้มีเวลาเป็นส่วนตัวเท่าใดนัก
               
ผมไม่ได้เดินทางโดยเครื่องบินมานาน   พอได้ขึ้นไปมองโลกบนพื้นดินจากบนฟ้าลงมานั้นมันมีความรู้สึกแปลกๆ  แต่ก็รู้สึกเหมือนเดิมทุกครั้ง   รู้สึกว่าตัวคนเรามันเล็กนิดเดียว  แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร   แต่ได้กำลังใจทุกครั้งกลับมาเสมอว่า  ชีวิตเราที่เหลือนั้นน่าจะทำอะไรได้มากกว่าเดิม  ทำได้มากกว่าเมื่อวาน  คิดได้มากกว่าที่ผ่านมา  ผสมกับแนวคิดใหม่หรือมุมมองใหม่ที่จากการอ่านหนังสือระหว่างเดินทางด้วย
               
หลายๆ ครั้งในการเดินทางด้วยเครื่องบิน  ผมมักจะนั่งที่นั่งใกล้ทางเดิน  แต่บางครั้งก็ลืมบอกเจ้าหน้าที่เขาไป  เขาก็เลยจัดที่นั่งริมหน้าต่างให้  ก็ทำให้ได้มองเห็นโลกเราจากบนฟ้า   เห็นพื้นน้ำแผ่นดินและเมืองต่างๆ ที่กระจุกอยู่ตามแม่น้ำและชุมชนต่างๆ ริมถนน   ผมไม่ได้เห็นรายละเอียดเพราะเครื่องบินอยู่สูงเหลือเกิน   แต่ก็พอจะบอกได้ว่า มันเป็นแม่น้ำ ภูเขาและถนน   ผมคงจะมองไม่เห็นคน  แต่พอจะเห็นบ้านเรือน  หรือถ้าบินต่ำหน่อยก็จะเห็นรถยนต์วิ่งอยู่บนถนน   ผมได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่สังคมและเมืองจากบนฟ้า  ผมเห็นโครงสร้างหรือ Structure แต่ผมขาดรายละเอียดของชีวิต   แต่ในทางตรงกันข้าม    ถ้าผมลงมาจากฟ้าเดินลงไปบนถนนผมก็จะเห็นรายละเอียดของชีวิตหรือธุรกิจเฉพาะที่ผมสามารถบอกเห็นในระยะไม่ไกลมากนัก  กินบริเวณพื้นที่ไม่กว้างมากนัก   ผิดจากการมองจากข้างบนฟ้า  รายละเอียดทั้งสองมุมมองไม่เหมือนกัน  แต่สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี    อยู่บนดินได้รายละเอียด  แต่ขาดโครงสร้างและความสัมพันธ์ในระดับสูง    มองจากบนฟ้าได้เห็นโครงสร้างและความสัมพันธ์ในระดับสูง  แต่ขาดรายละเอียดไป
                 
ปัญหาหลายๆ อย่างในสังคมหรือชีวิตเรานั้น   เราได้พบได้เห็นเหมือนกับรายละเอียดที่เรามองอยู่บนดิน   แต่เราไม่ได้มีโอกาสมองจากข้างนอกหรือมองที่ในระดับความสูงขึ้นเพื่อหาความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างที่อยู่รอบๆ ตัวเรา  เพราะชีวิตเรา สังคมของเรา  หรือสิ่งที่เราสนใจอยู่นั้นเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบที่ใหญ่กว่าหรือฝังตัวอยู่ในระบบที่ใหญ่กว่า  ด้วยความเป็นธรรมชาติของระบบหรือสังคมและระบบต่างๆ ในธรรมชาติที่มีความเป็นองค์รวม   นั่นหมายความว่า นอกจากเราจะต้องเขาใจตนเองแล้ว  เรายังต้องเข้าใจสิ่งแวดล้อมที่ตนเองอยู่ด้วยว่ามีความสัมพันธ์และเชื่อมต่อกันอย่างเป็นองค์รวมได้อย่างไร
           
ถ้าเรามีความเข้าใจในประเด็นนี้เราแล้ว  จะทำให้เราสามารถที่จะปรับตัวเราเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที  ปัญหาต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่ไม่ว่าจะในชีวิตเราหรือธุรกิจการงานที่เราทำอยู่  อาจจะไม่ได้เกิดจากรายละเอียดที่เป็นอยู่ก็ได้  สังเกตได้จากปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็คงจะต้องแก้กันที่โครงสร้างมากกว่าที่รายละเอียดที่เป็นปลายเหตุซึ่งไม่ใช่ต้นเหตุ เพราะโครงสร้างกำหนดพฤติกรรมซึ่งทำให้เกิดรายละเอียด   ถ้ารายละเอียดนั้นเป็นปัญหาเราก็จะต้องแก้กันที่โครงสร้าง   แนวคิดนี้เริ่มถูกนำเข้ามาใช้ในการมองปัญหาในระยะหลังนี้มากขึ้น  เพราะปัญหาในปัจจุบันเริ่มเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากและซับซ้อน  และไม่ได้ถูกแก้กันที่โครงสร้าง   ยิ่งปล่อยไว้ก็ยิ่งจะทำให้ปัญหาทวีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะแก้ไขหรืออาจจะต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าที่เคยคิดไว้  ดังนั้นวันนี้เราคงจะต้องหันมามองปัญหาต่างๆ ในชีวิตหรือธุรกิจการงานในมุมสูงในภาพกว้างหรือภาพใหญ่ (Big Picture) บ้างเพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างในมุมกว้างที่เป็นต้นเหตุของพฤติกรรมในรายละเอียดที่เราไม่พึ่งปรารถนา  และเราจะได้แก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างได้อย่างถูกต้อง  ไม่ใช่ไปแก้ที่รายละเอียดเหมือนกับการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุซึ่งไม่ใช่ที่รากเหง้าของปัญหา