วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

ขับเคลื่อนประเทศด้วยยุทธศาสตร์ ไม่ใช่งบประมาณ



ผมได้อ่าน Post บน FB ของท่านอาจารย์บุญเกียรติ ชีวะตระกูลกิจที่เขียนเรื่องราวของการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน   ในลักษณะที่เป็นร่วมมือกันและผลประโยชน์ร่วมกันในเชิงผลประโยชน์แห่งชาติ   ภาครัฐและภาคเอกชนนั้นไม่สามารถขาดกันได้  จะต้องอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยทุนนิยม  ไม่งั้นถ้าเป็นภาครัฐทั้งหมดก็จะกลายเป็นสังคมนิยมกันไปหมด

เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมไม่ได้มีโอกาสมาเขียนอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้ เพราะมัวแต่เขียนบน FB เขียนกันสั้นๆเป็นส่วนใหญ่  ทำให้สมาธิสั้นลงเรื่อยๆครับ  บังเอิญมีโอกาสได้คุยกับท่านอาจารย์บุญเกียรติในประเด็นเหล่านี้เช่นกันครับ



กลับมาที่ประเด็นยุทธศาสตร์  ผมเองก็ไม่เคยสอนเรื่องการจัดการเชิงยุทธศาสตร์หรือที่เรียกกันในหมู่วิชา MBA กันว่าการจัดการเชิงกลยุทธ์หรือว่าการบริหารเชิงกลยุทธ์  (Startegic Management)  ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเราจะเห็นว่ามีกระบวนการหรือรูปแบบที่เป็น Pattern ในการจัดการออกมาเป็นหนังสือหรือขั้นตอนที่แน่นอน   ประเด็นตรงนี้ไม่ยากนัก  เหมือนคนเล่นดนตรี  ก็เล่นตามโน้ตไป  แต่ถ้าเพลงแต่งมาไม่ไพเราะถึงเล่นได้ก็อาจจะไม่มีคนฟังหรือไม่ก็ขายไม่ได้   ในมุมมองผมเรื่องของกระบวนการในการจัดการนั้นไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไหร่นัก  แต่มุมมองความเข้าใจในเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Views)ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ  เพราะยุทธศาสตร์เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์เพื่อเอาตัวรอด  เมื่อจำเป็นที่จะปรับเปลี่ยนหรือแปลงการดำเนินงานเพื่อให้ชนะคู่แข่งขันหรือชนะต่อปัญหา   เพียงแต่ว่าวันเราเห็นความหายนะแล้วหรือยัง  รู้ตัวบ้างหรือเปล่า  ประเมินตัวเองเป็นอย่างไร   เราเป็นศุนย์ของทุกสิ่งหรือ   เราหลอกตัวเองหรือเปล่า   แล้วเราหลอกประชาชนหรือเปล่า

ปัญหาของประเทศไทยเราในปัจจุบัน  ไม่รู้ว่าทำไมเราไม่รู้ตัวหรอกหรือว่า  เราไม่มีทิศทางในการนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่แน่นอนในอนาคต   ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือไม่   แต่ดูเหมือนกับว่าประเทศไทยเรากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยการพัฒนามากมายที่เกิดขึ้น   เรากำลังจะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง   แต่ผมก็ยังไม่เห็นปลายทางหรือเป้าหมายของการพัฒนาที่เด่นชัดเลย  ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารประเทศที่มาจากฝ่ายไหนก็ตาม

เราได้หยุดประเทศ ด้วยการหยุดคิดเชิงยุทธศาสตร์ไปนานแล้ว  แต่ก็ยังแสร้างทำเป็นว่าเรามียุทธศาสตร์  เพราะว่าถ้าเรามียุทธศาสตร์กันจริงๆแล้ว   เมื่อ่านจากยุทธศาสตร์แล้ว  เราน่าจะเห็นอนาคตของเราว่าจะไปทางไหน   ไปที่ไหน ไปถึงที่หมายได้อย่างไร    แต่นี้เรามีแต่ตัวที่เขียนไว้ว่า "ยุทธศาสตร์"  แล้วก็ตามด้วยกรอบงบประมาณ  อยู่เต็มบ้านเต็มเมืองแทยจะทุกหน่วยงาน     แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น   ที่แน่ๆดูเหมือนว่าเราเขียนยุทธศาสตร์เหมือ่เขียนแผนการทำงานประจำปีเพื่อเบิกเงินตามงบประมาณอย่างไรอย่างนั้นเลย   ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก  และน่าเสียอย่างยิ่ง  หรือผมเข้าใจผิด

เราต้องเข้าใจว่าบทบาทของภาครัฐที่จะต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานสร้างเงินเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้และสร้างเงินเข้าประเทศ  ถ้ายังจะอยู่ในโลกเสรีและเชื่อมโยงกับโลกทั้งหลายโดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่ AEC ในเวลาอันใกล้นี้    ประเด็นยุทธศาสตร์ของภาครัฐนั้นจะต้องเข้ามาเสริมหรือเติบเต็มการทำงานของภาคเอกชนให้เป็นการบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวและทีมเดียวเท่านั้น  นั่น คือ ทีม Thailand  ซึ่งหาได้ยากมากนักในสภาพการณ์ปัจจุบันนี้  แม้แต่ความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ของภาครัฐเองที่จะต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการดำเนินงานทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับการทำงานของภาคเอกชน  ในเมื่อภาครัฐกันเองยังไม่มีเอกภาพหรือความเป็นองค์รวมเพราะแต่ละหน่วยงานยังไม่สามารถบูรณาการกันเป็นเนื้อเดียวกันได้   ต่างคนต่างก็อ้างกฎหมายไว้ก่อนว่า  ต่างคนต่างถือกฎหมายกันคนละฉบับ     แล้วกฎหมายเหล่านั้นก้ไม่บูรณาการกัน    เราเอากฎหมายมาเป็นเจ้าชีวิตของเรานั้นหรือ   เราเขียนมันขึ้นมาแล้วก็มอบชีวิตเราตรึงชีวิตเราให้กับกฎหมายนั้นโดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเลยหรือ  มันทำได้อย่างนั้นจริงเลยใช่ไหม

ผมมองแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท  ด้วยรถไฟความเร็วสูงและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ   ผมได้ยินแต่เหตุผลว่า เราไม่ได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมานานหลายสิบปีแล้ว    ก็นั่นน่ะสิแล้วทำไมเพิ่งจะมาคิดได้   แล้วตอนที่ควรจะสร้างแล้วทำไมไม่สร้าง ปล่อยให้ถึงเวลานี้  ผมเองไม่ใช่ไม่เห็นด้วยนะครับ  แต่ผมไม่เห็นปลายทางของยุทธศาสตร์นี้ว่าจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างในเชิงยุทธศาสตร์หรือมี Impact ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง  แล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเอง    แล้วเราแต่ละคนจะต้องเตรียมอย่างไรบ้าง นอกจากเตรียมตัวเป็นหนี้แล้ว

ยุทธศาตร์ในระดับชาติทุกๆยุทธศาสตร์ไม่ควรจะเขียนกันเอง   ตั้งกันเอง   โดยความเป็นธรรมชาติของยุทธศาสตร์มีความเป็นองค์รวมในตัวไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงใดในด้านใดก็ตามล้วนมีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น  เพียงแต่ว่าเราจะให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงเหล่านั้นอย่างไร   เพราะที่สุดแล้วยุทธศาสตร์ชาติหรือยุทธศาสตร์ประเทศจะต้องนำพามาซึ่งความมั่นคงของประเทศ  ความั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  และความมั่นคงของมนุษย์ของประชาชนในชาติ


เรื่องราวความเป็นไปของสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  มุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว   ความรวดเร็วของการติดต่อสือสาร   ความเชื่อมโยงกันเป็น Network ที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน หรือ  Unpredictable   ประเด็นเช่นนี้ได้สร้างปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างรวดเร็วทั่วทุกมุมโลก   พื้นฐานความคิดของสังคมโลกเปลี่ยนแปลงไป   พื้นฐานความคิดของสังคมไทยก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยสำหรับคนแต่ละรุ่นของสังคม  

การมองยุทธศาสตร์และการคิดเชิงยุทธศาสตร์แบบดั้งเดิมนั้น  ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว   ตั้งแต่การคิดเชิงยุทธศาสตร์ (Staregic Thinking) เพราะบริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป  โครงสร้างพื้นฐานของสังคมเปลี่ยนแปลงไป  ผู้คนคิดเร็วขึ้น   ข้อมูลสารสนเทศมีอยู่มากมายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้  หรือไม่คนเราทั่วไปก็ไม่คิดอะไรเลย   ก็เชื่อตามข่าวสารที่ได้รับมา 

และประเด็นของการสร้างแบบจำลองของยุทธศาสตร์ (Strategic Modeling) ก็ต้องเปลี่ยนไปอีกตามความซับซ้อนของบริบทของสังคมซึ่งเปลี่ยนจาก  Simple หรือ Linear ไปเป็น Complex หรือ Chaos หรือ Non-linear มากขึ้น   เครื่องมือที่ช่วยในการทำแบบจำลองหรือช่วยในการคิดใจก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย

ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่ Leadership ของผู้นำในทุกระดับของสังคม  คงจะไม่ใช่แค่ผู้นำประเทศเท่านั้น  แต่เป็นเราทุกคนที่นำองค์กร   ผู้นำแผนก  ผู้นำกลุ่ม   ผู้นำครอบครัว  และที่สุดแล้วตัวเราเองทุกคนที่นำชีวิตตัวเราจะต้องมีความตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดรอบตัวเราทั้งในเชิงสังคมที่เราเป็นคนสร้างขึ้นและในเชิงธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่กำลังปรับตัวจากผลกระทบที่เกิดจากน้ำมือของเราผู้เป็นมนุษย์  เพราะว่าเราทุกคนก็ต้องคิดและวางแผนยุทธศาสตร์ให้กับชีวิตของแต่ละคนโดยไม่รู้ตัว  แล้วประเทศที่เราอยู่ยังไม่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ได้อย่างชัดเจนแน่นอน  เราประชาชนจะคาดหวังหรือดำนเนินชีวิตอย่างมียุทธศาสตร์ได้อย่างไร    ในเมื่อยุทธศาสตร์ของเราประชาชนแต่ละคนจะต้องถูกขับเคลื่อนไปบนยุทธศาสตร์ประเทศ  นี่แหละครับความเติมเต็มกันระหว่างภาครัฐและเอกชนและประชาชน  เพราะความสามารถของประเทศนั้นมาจากการขับเคลื่อของเอกชนและประชาชน  แต่ถ้ารัฐไม่สามารถเป็นคนที่อำนวยความสะดวกได้  ไม่สามารถเป็นที่ประสานงานและส่งเสริมประชาชนและเอกชน    ก็อย่าหวังเลยครับที่เราจะต่อสู้และแข่งขันกับชนชาติอื่นๆในโลก   หรือแต่แค่เอาตัวให้รอดก็ยากอยู่เหมือนกัน ครับ!