วันนี้มีโอกาสไปบรรยายที่โรงแรมแถวๆ ถนนเยาวราช ความกังวลแรกก็ คือ ที่จอดรถเป็นอย่างไรบ้างจะมีมากพอหรือคับแคบขนาดไหน เพราะว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยจะย่างกายเข้าไปแถวนั้นเท่าไหร่ แน่นอนครับผมไปถึงโรงแรมก็ต้องผ่านด่านแรก คือ การรับบัตรจอดรถ ประทับใจครับ เพราะว่าเจอเครื่องจ่ายบัตรโดยไม่ต้องมีคนมายื่นบัตรให้ ที่จอดรถบางสถานที่ยิ่งเลวร้ายมากคือ มีเครื่องจ่ายบัตรแล้วยังต้องมีรปภ.มาคอยกดบัตรที่ออกจากเครื่องจ่ายบัตรที่คนขับรถเข้ามาก็กดเองได้ เห็นแล้วก็สมเพชครับ เสียค่าแรงรปภ.เปล่าๆ แต่ที่โรงแรมนี้ดีครับลดคนไปได้ เพราะลงทุนเรื่องเครื่องจ่ายบัตรไปแล้วไง คนที่ขับรถเข้ามาแล้วก็สามารถกดบัตรเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้มีแค่บัตรจอดรถเท่านั้น ในบัตรนั้นยังมีภาพบันทึกป้ายทะเบียนรถจาก VDO ที่จับภาพทะเบียนรถมาพิมพ์ไว้บนบัตรจอดรถด้วย พร้อมบันทึกวันและเวลาให้เสร็จ เออ! ดีจังเลยผมชอบ
ผมก็เลยนึกถึงกระบวนการลอจิสติกส์ในโซ่อุปทานของการบริการ เพราะวันนี้ไปไหนๆ ในเมืองสิ่งที่ต้องกังวลไว้ก่อนก็ คือ ที่จอดรถ เพราะหายากเหลือเกินในสถานที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ การจอดรถนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมลอจิสติกส์ของลูกค้าอย่างหนึ่งในการเคลื่อนที่ไปหาคุณค่าหรือเคลื่อนที่ไปจ่ายเงินพื่อซื้อสินค้าและบริการนั่นเอง ทุกวันนี้จะหาที่จอดรถฟรีนั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆก็เริ่มเก็บเงินตามเวลาที่จอด เพราะว่ามีรถมากขึ้น ซึ่งก็ดีอยู่หรอกครับ ลูกค้าจะได้มากขึ้น ดังนั้นการที่เราจะต้องรับบัตรจอดรถและลงเวลาสำหรับการเข้าที่จอดรถนั้นจึงเป็นเรื่องของ Information ของลอจิสติกส์ของลูกค้าและพาหนะของลูกค้า ซึ่งมีผลถึงรวมทั้งความปลอดภัยต่างๆ ในการจอดรถ แต่ปัจจุบันนี้ก็อาจจะหาที่จอดรถฟรีได้บ้าง แต่จะเห็นที่จอดรถบางแห่งที่ไม่เก็บเงินได้ลดต้นทุนในกระบวนการ ด้วยการบันทึกวีดีโอภาพรถเข้าออกไว้ใช้เป็นหลักฐานในการด้านความปลอดภัย โดยไม่ต้องมีคนจ่ายบัตรตอนเข้าและรับบัตรตอนออก ประหยัดรปภ.ได้สองคน กิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมด้านลอจิสติกส์ข้อมูลที่ไว้ใช้ในการจัดการคุณค่าและลูกค้าต่างๆ ในโซ่อุปทานนั้นๆ
เรื่องของข้อมูลสารสนเทศเหล่านี้เป็นเรื่องของการบ่งชี้ (Identification)ถึงทรัพยากรต่างๆ หรือสิ่งที่เราสนใจในโซ่อุปทานที่เรากำลังจัดการอยู่ว่ามีตำแหน่งอยู่ที่ไหนอย่างไรและเมื่อไร เพื่อที่จะได้ถูกนำไปใช้ในการตัดสินใจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ลานจอดรถตามห้างใหม่ๆในปัจจุบันเดี๋ยวนี้ติดตั้งระบบจอดรถที่มีป้ายสัญญาณบอกถึงจำนวนที่ว่างในแต่ละชั้นจอดและไฟแสดงสถานะตามตำแหน่งที่จอดต่างๆ ในแต่ละชั้น ถ้าเป็นสีเขียวช่องนั้นก็จะว่าง ถ้าไม่มีสีเขียวก็แสดงว่ามีรถจอดอยู่ ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการในห้างๆ สามารถขับรถวนขึ้นหรือลงไปชั้นอื่นๆ ได้เลยโดยไม่เสียเวลาวนหาที่จอดอีก ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตำแหน่งที่จอดรถนี้ ถือได้ว่าเป็นลอจิสติกส์ข้อมูลสารสนเทศซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจในการขับรถหาที่จอดในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าภายในห้างทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วของการเข้าถึงโซ่อุปทานของสินค้าต่างๆ ที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า ข้อมูลของสถานะของสินค้าต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรของต่างๆ ในกระบวนการธูรกิจหรือโซ่อุปทานนั้นมีผลต่อการตัดสินใจของเราในการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ การผลิต การส่งหรือการซื้อมาไว้เป็นเจ้าของ ถ้าเราไม่มีข้อมูลเหล่านี้แล้วหรือมีข้อมูลที่ผิดพลาดขึ้นมาแล้ว การตัดสินใจและการการดำเนินงานอาจจะมีข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับสินค้าและบริการนั้นๆ อย่างถูกเวลาและถูกสถานที่ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม หรือด้วยระดับการให้บริการที่เหมาะสม
คราวนี้เราลองหันกลับมาดูตัวเองสิครับ มาดูในกระเป๋าสตางค์ของเราบ้าง ตรวจดูดีๆ ว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ ของผมน่ะหรือครับ ของผมมีเงินอยู่ไม่มากครับ แต่ทำไมกระเป๋าตุงอย่างนั้น ก็มีแต่บัตรสมาชิกและบัตรเครดิต บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรอื่นๆ เต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้เป็นลอจิสติกส์ช้อมูล เป็นข้อมูลเชิงสถานะของทรัพยากรหรือลูกค้าในโซ่อุปทานต่างๆ แล้วข้อมูลทั้งหมดสามารถหาได้จากแหล่งเดียวหรือไม่ ทำไมต้องแยกกันเก็บ ทำไมผมต้องพกบัตรมากมายอย่างนี้ด้วย พกแค่บัตรประชาชนใบเดียวได้หรือไม่ เวลาไปสมัครงานหรือทำธุรกรรมอะไรสักอย่าง เราจะต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านเสมอ พร้อมทั้งเซ็นสำเนาถูกต้อง เพื่อเป็นยืนยันว่าเป็นตัวจริง กิจกรรมเหล่านี้เป็นลอจิสติกส์ข้อมูลสารสนเทศทั้งสิ้นเพื่อประกอบในการดำเนินงานในโซ่อุปทานต่างๆ ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์โดยตรงกับผู้บริโภค แล้วเราจะลดจำนวนมันลงได้อย่างไร ทำอย่างไรให้เราใช้ข้อมูลร่วมกัน ใช้บัตร Smart Card ใบเดียวได้ไหม
ผู้ที่อยู่ในโซ่อุปทานต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลที่บ่งบอกสถานะของบุคคลในด้านต่างๆ จากบัตรใบเดียวได้ไหม พกใบเดียวใช้ได้ทุกที่ทุก ห้าง บัตรนั้นน่าจะเป็นบัตรประชาชนนะครับ ทุกวันนี้ผู้ที่ใช้บัตรประชาชนของผมก็คือ รปภ.ตามบริษัทและสถานที่ต่างๆ ที่ผมต้องแลกบัตรเข้าไป นอกนั้นผมไม่เห็นจะใช้บัตรประชาชนที่เกิดประโยชน์มากกว่านี้ ข้อมูลและเลขประจำตัวประชาชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีกในเชิงการจัดการลอจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อให้ผมมีชีวิตและการจัดการชีวิตของผมได้ดีขึ้น ยิ่งข้อมูลได้ใช้ร่วมกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในโซ่อุปทานเดียวกันและต่างโซ่อุปทานกัน รวมทั้งภาครัฐต่างๆ ที่จัดการโซ่อุปทานสาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายผมที่ยังเป็นด.ช.อยู่ก็มีบัตรประชาชนเหมือนกัน ถ้าทำหายแล้วก็ยุ่งตายเลย แต่ตอนทำครั้งแรกก็สะดวกดี แต่ครั้งต่อไปนั้นยังไม่รู้ แล้วเด็กจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เพราะต้องไปกับพ่อแม่อยู่แล้ว อีกหน่อยเราคงมีบัตรให้พกกันมากมาย เพราะมีหลายตัวตนเดียวแต่หลายบทบาท แล้วทำไมแต่ละบทบาทถึงไม่ใช้ร่วมกันล่ะครับ ง่ายและประหยัดกว่าตั้งเยอะ
ที่จริงแล้วทำเป็นธุรกิจได้นั้น เป็นบริษัทรับจ้างบริหารข้อมูลส่วนบุคคล ใครต้องการข้อมูลของคุณ คุณก็รู้ คุณจะให้ข้อมูลใครไปทำอะไรก็รู้ เจ้าของข้อมูลก็รู้ว่าใครใช้ข้อมูลบ้าง คุณไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร คุณก็รู้หมด แต่มาคิดอีกที กลายเป็นว่าบริษัทนี้รู้ลอจิสติกส์ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนไปหมด มันน่ากลัวเกินไปหรือเปล่าเนี่ย แต่ตอนนี้ก็เริ่มคล้ายอย่างนี้แล้วบนสังคมออน์ไลน์ กับ Social Network ไงครับ สำหรับ Timeline ที่เป็น Interface ใหม่ของ Facebook นั่นไง มันมาแล้วครับ แล้วชีวิตคุณในอนาคตอาจจะไม่ใช่มีคุณคนเดียวในชีวิตคุณอีกต่อไป เพราะว่ามีคนคอยจ้องมองชีวิตและบันทึกเรื่องราวของชีวิตคุณบน Facebook อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ ถ้าเรารู้จักวิธีใช้งานและหาประโยชน์จากมันได้ ลองดูสิครับ!