วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

Book -2012-1 สุขแท้


หนังสือเล่มแรกที่อ่านของปี 2012 คือ “สุขแท้” โดยท่านพุทธทาส พิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ ผมเป็นแฟนหนังสือธรรมะเล่มขนาดเล็กของ สนพ.สุขภาพใจ มานานแล้วครับ น่าอ่านทุกเล่ม เล่มนี้อ่านตอนอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนช่วงปีใหม่ 2012 เห็นชื่อเรื่องแล้ว มองดูตัวเองเหมือนเป็นคนที่ไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่ดูตัวเองแล้วก็ไม่ได้ขาดอะไร แต่ก็อยากเยอะไปหมดเหมือนกัน ก็ได้แต่อาศัยการอ่านบ้าง พอประทังวามรู้สึกนึกคิดไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยงอย่างที่ใครบางคน (ภรรยา) บอกไป เอาเป็นว่าผมเป็นคนบ้าหนังสือ ชอบสะสมหนังสือ ไปหยิบมาอ่านได้เมื่อใดก็ได้ที่ต้องการก็แล้วกัน


เล่มนี้อ่านสบายๆ ครับ แล้วแต่คนชอบ บางคนอ่านงานของท่านพุทธทาสไม่รู้เรื่อง แต่ผมชอบอ่านครับ อ่านแล้วเย็นลง และสงบดีครับ หนังสือท่านช่วยผมไว้ได้หลายครั้งหลายคราทีเดียว ทำให้ผมเย็นและสงบ (ต้องเปิดแอร์ด้วยนะ) ผมแนะนำให้อ่าน นี่ยังอ่านไม่หมดนะครับ ชอบตรงนี้มากๆ

“ถ้าบิดามารดาเป็นคนเยือกเย็น ลูกก็จะเอาอย่างโดยไม่รู้สึกตัว เรียกว่าเป็นการเอาอย่างกันโดยไม่รู้สึกตัว เพราะว่าตั้งแต่เกิดมา ก็เห็นแต่ความละมุนละไม เรียบร้อย เยือกเย็น อดกลั้นอดทนอย่างนี้มันก็ซึมเข้าไปในนิสัยของเด็กๆ ให้เป็นคนอย่างนั้นบ้าง จึงสำคัญอยู่ที่ผู้ใหญ่ จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นเรื่องตั้งต้นที่ดี แล้วก็จะมีการตั้งต้นสำหรับเด็กๆที่ดีต่อไป”


คิดไปคิดมา ก็เลยอยากจะนำเอาแนวคิดตรงนี้มาใช้กับการบริหารคนในองค์กร ผมอยากจะให้คนในองค์กรเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะจะได้อ่านโลก อ่านลูกค้า อ่านตลาดออกจะได้สร้างคุณค่าให้กับองค์กรเราเพื่อให้อยู่รอด ดังนั้นผมก็คงจะต้องเป็นตัวอย่างในการอ่านและศึกษาหาความรู้ เป็นผู้นำในการหาความรู้ ลูกน้องจะได้อ่านตาม ความสำเร็จและสุขในองค์กรก็จะได้ตามมา


อ่านไปเรื่อยก็ไปเจอตรงที่ “ความโกรธ” ท่านพุทธทาส กล่าวไว้ว่า
“จิตที่ไม่ประทุษร้ายนั้นมันเย็นสงบลง เป็นความสุขอย่างยิ่ง ไม่ไปประทุษร้ายใคร ถ้าว่าใครมาประทุษร้ายเรา ก็อย่าประทุษร้ายตอบ เพราะว่าจะเลวเป็น 2 เท่า”

ฟังแล้วก็ต้องหวนกลับไปดูความโกรธที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายจังหวะเวลาในรอบปี ว่าเราโกรธไปกี่ครั้ง และกี่ครั้งที่เราโกรธตอบกลับไป ทุกข์จริงๆ น่ะนั่น จะทำอย่างไรให้เป็นสุข พูดกันง่ายก็อย่าโกรธตอบโต้เขาไป ถ้าจะให้ดีแล้วก็อย่าทำให้เขาโกรธ ถ้าเราเป็นต้นเหตุ ก็เท่านั้นเอง ถ้าเขาจะโกรธเองหรือโกรธคนอื่นๆ มา เราก็น่าจะช่วยให้เขาเย็นลงได้เช่นกัน คิดได้อย่างนี้จะเป็นสุขไหมหนอ อดุมคติจริงๆ สังคมเราจะมีคนอย่างนี้เหรออาจารย์ หรือไม่ก็ฝากไว้ก่อน คราวหน้ามาก็ที่ฉันบ้างล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะไม่มีวันจบสิ้นกัน มาเริ่มสร้างความสุข แทนการหาความสุขเถอะครับ


คิดไปคิดมาความสุขที่แท้มันอยู่ในใจเราจริงๆ เครื่องเสียงราคาเป็นแสนเล่นเล่นเพลงบทเยี่ยมก็ไม่อาจให้ความสุขเราได้ ถ้าใจเราไม่อยากจะเป็นสุขหรือยอมใจไปกับความทุกข์ สรุปแบบง่ายอีกแล้ว มันอยู่ที่ใจ แต่ทำยากเป็นบ้าเลย ถึงรู้แล้ว ก็ยังไม่สุข ต้องลองต้องฝึกดูครับ ที่พูดให้ฟังเนี่ยนะ ผมก็ยังทุกข์อยู่มาก ยังจัดการกับความคิด ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ทฤษฎีนั้นมีอยู่ แต่การปฏิบัตินั้น ต้องตัวใครตัวมันครับ ต้องฝึกซ้อม ต้องเจ็บ ต้องเหนื่อย ต้องสู้กับมัน อย่าท้อแท้นะครับ แล้วสักวันความสุขก็จะมาถึง ทั้งที่มันไม่ได้อยู่ไกลเลย แต่อยู่ข้างในใจเราเท่านั้นเอง.