วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

Life - ฝันให้ไกล ไปให้ถึง .. สู้ต่อไป ทาเคชิ ไอ้มดแดง ส.ค.ส 2555

ผมหายไปนานพอสมควรครับ ประมาณ 10 วัน กว่าจะกลับมาจาก Trip ทางภาคตะวันตกของไทยก็ปาเข้าไปเกือบจะสิ้นปีและปีใหม่เสียแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ลงไปทางใต้มาครับ และวันต่อมาก็มีงานสัมนาที่ Bitec แล้วก็ตามด้วยการ Present งาน Project ที่ทำอยู่ ก็เลยไม่ค่อยจะว่างสำหรับที่จะมาคิดหรือเขียนอะไรก็ไม่รู้ให้ท่านทั้งหลายอ่านกัน


ไป Trip ทางตะวันตกที่เมืองกาญจนบุรีครั้งนี้ได้ไปหลบความวุ่นวายทั้งหลายไปสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง ได้เห็นความนิ่งและสงบของธรรมชาติเผื่อว่าจะคิดอะไรๆ ออกบ้าง เคยได้อ่านจากหนังสือมาว่า มนุษย์นั้นพยายามปรับจูนคลื่นชีวิตกับธรรมชาติด้วยการทำสมาธิ เหมือนกับการปรับคลื่นสมองหรือจิตกับธรรมชาติ ดูก็เป็นไปได้นะครับ ผมเคยอ่านหนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า “ผู้ชายที่เคยหายใจไม่เป็น” เป็นเรื่องราวของฝรั่งที่มาอยู่เมื่องไทยและเรียนเขียนภาษาไทยจนเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา ก็น่าประทับใจอยู่ครับ ในหนังสือเขาเล่าเรื่องราวของเขาในการเป็นครูสอนโยคะ นั่นน่าจะเป็นที่มาของชื่อหนังสือนี้ ว่าหลังจากได้ฝึกโยคะแล้ว ทำให้เขาได้หายใจเป็น หรือการใช้ชีวิตเป็น


สิ่งมีชีวิตหลายชนิดก็มีการหายใจตามที่เราได้เรียนรู้มาจากวิชาชีววิทยา แล้วคนเราจะหายใจให้เป็นนั้นเป็นอย่างไร ในมุมมองของผมนั้น ค่อยข้างจะชอบคำว่า “หายใจไม่เป็น”แล้วก็พยายามจะเชื่อมโยงกับความเป็นชีวิต และการมีชีวิต ผมมองว่าเราสามารถ “หายใจได้” นั้นเป็นชีวิต แต่การ “หายใจเป็น” นั้นคือ การมีชีวิต แล้วการมีชีวิตนั้น คือ อะไร ชีวิตในมุมของผม คือ การสร้างคุณค่า (Value) ให้กับตัวเองและสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่ร่วมกัน ทุกคนที่เกิดมาและมีชีวิตนั้นย่อมสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย


คนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีกระบวนการสร้างคุณค่าที่ซับซ้อนที่สุดชนิดหนึ่ง บางก็ว่าคนเราเป็นสัตว์ที่ประเสริฐที่สุดในโลกหรือทรงปัญญาที่สุด หรือบางคนก็มองว่าที่จริงแล้วคนหรือมนุษย์อย่างเรานี่แหละ เลวยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก ทั้งๆที่คนเรามีสติปัญญาที่สูงกว่าสัตว์อื่นๆ ทั้งหมด แต่วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการมีชีวิตของมนุษย์ นั่น คือ ฝัน


ผมว่าทุกคนต้องฝัน ต้องคิด ต้องมีความปรารถนา สถานะของการฝันมีทั้งที่ฝันกันตอนหลับที่เราไม่สามารถควบคุมความฝันได้ แต่อาจจะมาจิตใต้สำนึกต่างภายในจิตใจเรา แต่ฝันที่ผมจะพูดถึงนี้เป็นฝันกลางวันที่หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องราวที่เหลวไหล เพราะมัวแต่ฝัน ไม่ยอมทำงาน ผมคิดว่าฝันกลางวันนี้แหละสร้างโลกให้เราทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนนั้นฝันกลางวันกันทั้งนั้น แต่ใครจะมาเล่าให้ฟังกันบ้างนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในหลายๆ โอกาสเรามักจะเห็นว่าเราจะต้องหลับตาฝัน เหมือนการนอนหลับเพื่อให้ฝัน นั่นเป็นการเปรียบเทียบว่า เราต้องมองไปข้างหน้าในสถานะที่เรามองไม่เห็น หลายๆ ครั้งเรื่องราวที่อยู่ข้างเราในปัจจุบัน มันไม่น่าจะพิศมัยเสียเท่าไรเลย ก็เลยต้องหลับตา เราเองถ้าจะฝันก็คงจะไม่ได้ฝันเรื่องอะไรนอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเราเอง ชีวิตเราเองและคุณค่าต่างๆที่ดีกว่าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเท่านั้น ทุกคนมีสิทธิที่จะฝันครับ!

พอฝันกันไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือแล้วเราจะทำอะไรกับฝันนั้นได้บ้าง ผมแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ คนหาฝันและคนสร้างฝัน เราเองฝันกันทุกเรื่องแหละครับ คนเราทุกคนมีความปรารถนากันทุกคนและต้องมองไปข้างหน้าเพื่อสิ่งที่ดีกว่ากันทุกคน ไม่มีใครอยากอยู่กับที่หรอกครับ คนที่หาฝันนอกจากจะเป็นคนที่ฝันแล้ว แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมา เพียงแต่รอให้ฝันนั้นเป็นจริง ซึ่งก็แล้วแต่ครับ บางครั้งการรอฝันนั้นก็เป็นจริงขึ้นมาโดยไม่ออกแรง แต่อาจจะเป็นผลพวงของการสร้างฝันของคนอื่นๆ แล้วเราได้รับผลประโยชน์ตามมาอีกทอดหนึ่ง ส่วนคนอีกประเภทหนึ่ง คือ คนสร้างฝัน คนเหล่านี้ใช้ฝันเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้สร้างฝันให้เป็นจริงขึ้นมาได้


ในชีวิตคนเรานั้นเมื่อฝันแล้ว ถ้าไม่รอหรือวิ่งหาฝันก็ต้องสร้างฝันอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะต้องมีการแบ่งสัดส่วนของการหาฝันและสร้างฝัน แต่ส่วนใหญ่คนที่ประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้นั้น มักจะเป็นคนที่สร้างฝันมากกว่า เหมือนกับคนที่รวยขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะความฝันและแรงบันดาลใจในการสร้างฝันและสานฝันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


สำหรับปีใหม่ 2555 นี้ ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ฝันสิ่งใดก็นอกจากหาฝัน ก็ขอให้สร้างฝันนั้นให้เป็นจริงเสมอไป