วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ประชุม 6 สถาบันฯ -- 2.มุมมองและความเข้าใจกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ วปอ.

มุมมองและความเข้าใจกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ วปอ.

กระบวนการการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้นเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนมากพอสมควร  เพราะเป็นเรื่องระดับชาติ  ที่มีผลต่อความเป็นไปและการดำรงชีวิตของคนจำนวนมากในชาติ   รูปแบบของการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ วปอ. มีความเป็นสากล (Universal) ในมุมมองของกระบวนการจัดทำ    แต่จะแตกต่างกันก็ตรงคำที่ใช้ในการอธิบายในบริบทต่างๆ ของการนำไปใช้ปฏิบัติใช้งาน (Implementation)      ในมุมมองของการจัดการโดยทั่วไป  ยุทธศาสตร์มีอยู่ 3 องค์ประกอบ  ซึ่งเราจะคำนึงถึงสถานะอนาคต (To-be State)   และสถานะปัจจุบัน (As-Is State)   จากนั้นเราก็จะมาหาความแตกต่าง (Gap Analysis) ของ 2 สถานะ    เพื่อหาหนทาง (Ways) ที่จะทำให้เรานั้นสามารถนำพาตัวเองและองค์กรของเราไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ให้ได้    แนวทางนี้ก็จะตรงกับแนวทางด้านการทหารที่เป็น  End (To-be), Ways (Gap analysis)  และ Means (As-is)   ซึ่งสรุปได้ว่า  คำนิยามหรือหลักการดำเนินงานหรือการสร้างยุทธศาสตร์ทั้งหลายนั้นมีหลักการคิดเหมือนกัน  แต่บริบทในการสร้างยุทธศาสตร์และนำไปใช้งานนั้นแตกต่างกัน    ส่วนขั้นตอนการดำเนินงานจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่แบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ ที่มีหมายเลขกำกับนั้นเป็นกระบวนการสำเร็จรูปที่พยายามจะทำให้กระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเป็นระบบตามขั้นตอน (Systematic) จะได้ไม่ผิดขั้นตอนในการจัดทำ   ซึ่งถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ทำให้การสื่อสารระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  

ความเข้าใจในยุทธศาสตร์

ประเด็นแรกในการจัดทำยุทธศาสตร์โดยทั่วไป   ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ระดับไหนก็ตาม   ผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำหรือในการชี้นำสำหรับทิศทางยุทธศาสตร์นั้น  ควรจะเข้าใจในประเด็นการคิดเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Thinking) ในเบื้องต้นก่อน   เพราะว่าถ้าไม่ได้มีแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์แล้ว   ถึงแม้ว่าจะมีกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ที่เป็นขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างดีแล้ว  ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่น่ามีโอกาสที่จะเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีได้    แล้วการคิดเชิงยุทธศาสตร์คืออะไร?  แนวคิดนี้เป็นแนวคิดหนึ่งที่ใช้ในการทหาร   ซึ่งสรุปได้สั้นๆ ว่า คือเป็นการคิดเพื่อชนะ (Think to Win)  หรือการคิดเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง (Think to Change)  ซึ่งหมายความว่าเรากำลังกำหนดทั้ง 3 องค์ประกอบในเวลาเดียวกัน  คือ To-be,  Gap Analysis  และ As-Is  หรือ  End-Ways-Means  ซึ่งหมายความว่า   ถ้าคิดแล้วต้องชนะ    ถ้าคิดแล้วยังไม่ชนะก็ต้องกลับไปคิดใหม่      ต้องคิดให้ชนะหรือคิดให้แตกต่างเท่านั้น  ไม่อย่างนั้นเสียเวลาและทรัพยากรในการดำเนินงาน   และถ้าไม่สามารถคิดได้ ก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน
             
ยุทธศาสตร์ (Strategy) จึงหมายถึง  การทำให้เกิดเป็นสถานะที่ไม่เหมือนเดิม  ซึ่งเป็นสถานะที่ต้องการในอนาคตที่ไม่เหมือนกับสถานะในปัจจุบัน   หรือการทำอย่างไรให้เกิดสภาพที่ดีกว่า  เร็วกว่าและถูกกว่า      การมุ่งไปสู่สถานะใหม่ในอนาคตนั้น ก็คือ  ยุทธศาสตร์ (Strategy) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทุกคน   ยุทธศาสตร์ย่อมมีผลต่อการปฏิบัติการ (Operations) ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราโดยตรงหรือมีผลต่อประโยชน์ต่างๆ ที่คนในชาติจะได้รับผลกระทบ  เพราะการปฏิบัติการที่เป็นกระบวนการสร้างประโยชน์ให้กับคนในชาตินั้นอาจจะมีปัญหา ต้องการการปรับปรุง (Improvement) ต้องการพัฒนา (Development) เพื่อสิ่งที่ดีกว่า  หรือต้องการพัฒนาเพื่อการแข่งขัน ดังนั้นจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการในระดับปฏิบัติการให้ดีขึ้น  ยุทธศาสตร์จึงเป็นตัวกำหนดหรือเป็นแผนในการดำเนินการให้เกิดความเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือดีกว่าในระดับปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของสังคม  องค์กรหรือในระดับบุคคล

ปัจจุบันนี้คนในชาติเป็นอย่างไร?  สภาพแวดล้อมของชาติในปัจจุบันเป็นอย่างไร   แล้วในอนาคตนั้นเราต้องการให้ชาติของเราเป็นอย่างไร?     เราจะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและความต้องการในอนาคต    แต่ถ้าเป็นเรื่องของบุคคลหรือองค์กรก็คงจะไม่มีความซับซ้อนมากนัก   แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติที่มีความซับซ้อนสูง  มีมิติต่างๆมากมายที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นชาติและผลประโยชน์แห่งชาติ  ดังนั้นการจัดทำหรือการเขียนยุทธศาสตร์ชาติและการดำเนินงานยุทธศาสตร์ชาติจึงต้องมีเป้าหมายในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติไว้ซึ่งจำเป็นที่จะต้องวางแผนหรือคาดการณ์ไปในอนาคตด้วยระยะเวลาที่ยาวไกลกว่าการคิดและการวางแผนงานทั่วไป
             
การที่จะมองออกไปถึงอนาคตเพื่อกำหนดทิศทางของการดำเนินงานของประเทศนั้น  จำเป็นที่จะต้องอาศัยวิสัยทัศน์ของผู้นำและข้อมูลสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันเพื่อนำมาพยากรณ์ (Forecast) สภาพแวดล้อมและศักยภาพของชาติซึ่งก็จะประกอบไปด้วยคุณภาพของคนในชาติ  กระบวนการทางสังคม  ทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มีใช้อยู่  อีกทั้งความมั่งคั่งที่จะใช้เงินลงทุนในการสรรหาทรัพยากรต่างๆ มาเพื่อที่จะทำให้ประเทศชาติได้ใช้ในการดำเนินการเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามวัตถุประสงค์แห่งชาติ
             
กระบวนการการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ของ วปอ. มีขั้นตอนที่เป็นระบบตามลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน  มีการกำหนดผลประโยชน์แห่งชาติหรือจะเป็นวิสัยทัศน์ในอนาคตที่ไกลออกไปมากๆ      เมื่อพูดถึงในความเป็นชาติแล้ว  สิ่งที่ทุกชาติต้องการก็คงคล้ายคลึงกัน คือ ความสามารถในการดำรงคงความเป็นชาติอยู่ได้อย่างมีความมั่นคงตลอดช่วงเวลาที่กำหนด  ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร   ชาติก็ต้องมีความมั่งคั่ง   และชาติก็ต้องได้รับการยอมรับจากสังคมโลก   จากนั้นเราก็จะกำหนดวัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติและวัตถุประสงค์เฉพาะแห่งชาติ  ในมุมเชิงการจัดการ กระบวนการเช่นนี้ถือว่าเป็นกระบวนการมาตรฐานที่ทำให้เกิดการสร้างทางเลือกของการตัดสินใจต่างๆ (Alternatives) หรือเผื่อเลือกนั่นเอง  บนพื้นฐานของบริบทและสภาพแวดล้อมต่างๆที่ถือว่าเป็นข้อจำกัดหรือ (Constraints) จนได้วัตถุประสงค์ที่แน่นอน  เพื่อที่จะตอบโจทย์วัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติและวัตถุประสงค์เฉพาะแห่งชาติ
             
แต่อย่างไรก็ตามโจทย์ในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้นเป็นโจทย์ขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนของโจทย์สูง  มีหน่วยงานหลายๆหน่วยงานเข้ามาเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stakeholders)  ทุกคนทุกหน่วยงานมีผลประโยชน์ร่วมกันเพราะเป็นสมาชิกในชาติเดียวกัน   และในขณะเดียวกันก็อาจจะมีความขัดแย้งในกระบวนการดำเนินงานขั้นตอนต่างๆตามกฎหมายที่ควบคุมการดำเนินงานซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนหน่วยงานไปได้  จึงอาจจะมีโอกาสที่จะเกิดเป็นความขัดแย้งในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่จัดทำมาได้

อย่างไรก็ตามกระบวนการที่ดำเนินงานในการจัดทำยุทธศาสตร์ในปัจจุบันที่ วปอ. อาจจะดูไม่มีความขัดแย้งมากนัก  เพราะว่าในกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้น   ประเด็นหรือหัวข้อต่างๆ นั้นได้ถูกพิจารณาแบบแยกส่วนกัน (Reductionism)  แยกกันไปคิด  แยกกันไปทำ   ซึ่งที่จริงแล้ว  เราควรจะพิจารณาแบบบูรณาการหรือแบบองค์รวม (Holism) ด้วยการคำนึงความเชื่อมโยงและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน  ทั้งนี้เพราะว่าประเทศชาตินั้นเป็นสังคมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นระบบซับซ้อนที่สามารถปรับตัวได้ (Complex Adaptive System : CAS)  องค์ประกอบต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นชาตินั้นมีความเชื่อมโยงกัน (Connectedness)  และมีปฏิสัมพันธ์กัน (Interactions)  ในหลายๆองค์ประกอบของความมั่นคงแห่งชาติทั้ง  9  ด้าน

โจทย์ของยุทธศาสตร์ชาติ
             
ประเด็นของการตั้งโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ คือ เป้าหมายที่ชาติเราต้องการจะเป็นในอนาคต  และผู้นำที่จะพาเราไปยังเป้าหมายที่ชาติต้องการ  รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำยุทธศาสตร์ชาติไปปฏิบัติให้เกิดผลประโยชน์แห่งชาติ   ซึ่งหมายความว่า  ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมจัดทำยุทธศาสตร์ชาติมีความเข้าใจในบริบทและสิ่งแวดล้อมในเชิงระบบ (Systemic) มากแค่ไหน?    เรามีความเข้าใจว่าความเป็นชาติประกอบไปด้วยองค์ประกอบอะไรบ้างและอย่างไรบ้าง?   แล้วเราเข้าใจถึงความสัมพันธ์หรือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆในความเป็นชาติหรือไม่ ?   เรานำสิ่งเหล่านั้นมาพิจารณาในเชิงระบบหรือเชิงความสัมพันธ์หรือไม่?

อีกมุมหนึ่ง คือ เราได้ใช้เครื่องมือต่างๆที่เหมาะสมในการวิเคราะห์ (Analysis) และสังเคราะห์ (Synthesis) ยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่?   คงจะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์บนพื้นฐานที่ไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่มีหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง    ถึงแม้ว่าจะมีกระบวนการตรวจสอบสภาวะแวดล้อมและการสำรวจข้อมูลในพื้นที่ก็ตาม   แต่ประเด็นเหล่านี้ยังไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญนัก  เพราะว่าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ วปอ. นี้เป็นหนึ่งในกระบวนการฝึกการจัดทำยุทธศาสตร์ของผู้บริหารระดับสูงของชาติในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ  ดังนั้นความเข้าใจในกระบวนการและเครื่องมือที่ถูกต้องและเหมาะสมกับเป้าหมายและสภาพแวดล้อมรวมทั้งยุคสมัยจึงเป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างมาก
             
ประเด็นที่สำคัญกว่านั้น  ก็คือ  มุมมองเชิงยุทธศาสตร์ที่จะต้องมองแบบการคิดเชิงระบบ (Systems Thinking) ซึ่งเป็นการคิดและมองแบบองค์รวม (Holistic Thinking) โดยผู้ที่จัดทำยุทธศาสตร์นั้นจะต้องรู้และเข้าใจว่าปัญหาของชาติในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาตินั้นมีโครงสร้างที่เป็นระบบ (Systemic Structure) โดยธรรมชาติอยู่แล้ว   ดังนั้นการมองปัญหาและการกำหนดยุทธศาสตร์ไปจนถึงการกำหนดวัตถุประสงค์มูลฐานแห่งชาติ   วัตถุประสงค์เฉพาะแห่งชาติ  นโยบายและมาตรการต่างๆ  จะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นระบบ (Systemic)  ของเรื่องราวที่ถูกหยิบมาเป็นประเด็นต่างๆ นั้น  ดังนั้นเราจึงไม่สามารถพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างโดดๆ  แล้วเอาประเด็นทั้งหมดมารวบรวมกัน (Collections) เป็นบทสรุป  ซึ่งที่จริงแล้วเราจะต้องนำเอาประเด็นต่างๆมาสร้างความเชื่อมโยงกันและมาประเมินผลของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเสียก่อน  เพื่อให้เกิดการบูรณาการกันอย่างแท้จริง

ทุกประเด็นของยุทธศาสตร์ย่อมมีความเชื่อมโยงกับอีกหลายๆ ประเด็นในองค์ประกอบของความเป็นยุทธศาสตร์ชาติ  อย่างไรก็ตามเรายังขาดแนวคิดพื้นฐานและเครื่องมือในการที่จะมองปัญหาในเชิงระบบและความเป็นพลวัตของยุทธศาสตร์  เพราะว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสภาวะแวดล้อมปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อนและมีความเป็นพลวัตสูง  แต่ถ้าเราไม่มีเครื่องมือในการรับมือกับความซับซ้อนและความเป็นพลวัตของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น  และเรายังใช้เครื่องมือและฐานความคิดแบบเดิมๆ ที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น   การกำหนดยุทธศาสตร์และการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์อาจจะไม่บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรืออาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น   ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติขาดความมั่นคงหรือเสียผลประโยชน์แห่งชาติไปได้

การประชุมทางวิชาการระหว่างหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง 6 สถาบัน ครั้งที่ 2
หัวข้อ “รัฐบาลใหม่กับทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทย”
ประเด็นการนำเสนอ :  การบูรณาการยุทธศาสตร์ชาติด้วยแนวคิดโซ่อุปทาน
ดร.วิทยา  สุหฤทดำรง
ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการโซ่อุปทาน  มหาวิทยาลัยศรีปทุม
นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่นที่ 23
31 สิงหาคม 2554