วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Perspectives – 2.ภาพชีวิต (Reflection of Lifes)

ทุกวันผมนั่งดูข่าวน้ำท่วมตั้งแต่เช้าตื่นนอนยันดึกก่อนเข้านอน เขาว่ากันว่า ดูมากๆ แล้วเครียดเปล่าๆ ก็จริงครับ ผมไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี น้ำจะมาเมื่อไหร่ นั่นแหละครับความไม่แน่นอนที่เป็นธรรมชาติที่แท้ๆ เรามนุษย์พยายามที่จะจัดการกับความไม่แน่นอนทั้งหลาย ผมดูข่าวทุกวัน ดูแล้วเหมือนดูละครโรงใหญ่ที่เปิดเผยให้เห็นชีวิตจริงๆ ของคนไทยส่วนใหญ่ที่ลำบากมากๆ เหมือนดูรายการ คนค้นคนเลย โดยมีคุณน้ำเป็นคนต้นเรื่อง ไล่มาเลยจากจังหวัดทางเหนือลงมาทางใต้จนถึงกรุงเทพฯ คิดไปแล้ว ถึงไม่มีน้ำท่วมมา พวกเขาก็อาจจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากอยู่แล้ว แต่เรานั้นอาจจะมองไม่เห็น ไม่ได้รับทราบ ก็ชีวิตพวกเขาปกติดีอยู่ พวกเขาก็อยู่กันไป เดือดร้อนบ้างแต่ก็ไม่มาก และไม่ได้ไปเดือดร้อนคนอื่นๆในสังคม พวกเขาทนอยู่ได้ก็อยู่ไป คนไทยในสังคมก็ไม่รู้ว่ายังอีกกี่ล้านคนที่ยังไม่ได้มีความมั่นคงในชีวิตหรือในการดำรงชีวิต


ผมว่าสังคมไทยเราดูดี ปรุ่งแต่งได้ดีเหมือนมีการพัฒนา อยู่แล้วมีชีวิตที่ดี สะดวก (ไม่มีระเบียบ ใช้เส้นสายได้) ก็เลยคิดว่าชีวิตนั้นสบาย พวกเราคิดกันอย่างนั้น แต่ความสบายนั้นจะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่ได้ระเบิดมาแล้วในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ก็เพราะเอาความสะดวกเข้าว่า แต่ละคนหวังแต่สบาย ส่วนในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมโดยเฉพาะมาตรฐานการดำรงชีวิตนั้นประเทศเรายังต้องการการเติมเต็มอีกมาก เพราะมีความอ่อนไหวหรือเปราะบางต่อผลกระทบที่มีต่อสังคมอยู่มาก สังคมยังไม่แกร่งพอ (Robustness) ประเด็นปัญหานี้ย่อมมีผลต่อการฟื้นฟูโดยตรง


ผมนั่งดูข่าวชีวิตของผู้ประสบภัยแล้ว ส่วนใหญ่น่าสงสารมาก (ที่จริงแล้วผมควรจะสงสารตัวเองไว้ด้วย) ต้องถามว่าแล้วทำไมพวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนั้นด้วย ทำไมพวกเขาถึงไม่อพยพหรือพวกเขาคิดกันอย่างไร ทำไมพวกเขาต้องมาทะเลาะกันเพื่อการกั้นน้ำและการระบายน้ำโดยไม่ได้คำนึงถึงภาพใหญ่ ทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมถึงทำงานบนความขัดแย้งกันอย่างไม่รู้จบ แม้แต่พวกเรากันเองที่พอมีศักยภาพบ้างก็ยังใช้สื่อ Online ที่มีประโยชน์ไปในทางทำลายกัน ทั้งๆ ที่ก็ดูแล้วไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ทำไปเพื่อความสะใจของตัวเองอย่างนั้นหรือ เสียค่า Air Time หรือ ค่า GB ของข้อมูลเปล่า เอาคุณค่าในการสื่อสารเหล่านั้นมากช่วยสร้างสรรค์สังคมในมุมอื่นๆ ยังจะดีกว่า โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้ เพื่อให้สังคมเราดีขึ้นจะได้มีการอุบัติอะไรใหม่ขึ้นมา


เออ! แล้วผู้คนที่มีฐานะทั้งหลายล่ะ พวกเขาไปอยู่ไหนกัน รถ 20-30 คันที่จอดอยู่ในโรงรถติดแอร์ เขาเอาไปไว้ไหนกัน ในขณะที่ผู้ประสบภัยจำนวนมากไม่มีที่จะอยู่ ผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นสื่อไปทำข่าวกับท่านเหล่านี้เลย คิดว่าคงไม่มีใครกล้าออกข่าวในภาวะอย่างนี้หรอก นี่มันเป็นความเหลื่อมล้ำในสังคมที่ทุกคนมองเห็น แต่อาจจะไม่อยากจะรับรู้ อย่าลืมว่า ถ้าคนชั้นล่างในสังคมที่ทำงานส่วนใหญ่อยู่ในโซ่อุปทานของท่านผู้คนที่มีฐานะนั้นล่มสลายไป โซ่อุปทานที่ผลิตสินค้าและบริการของท่านทั้งหลายก็จะพังทลายไปด้วย สังคมก็จะพังทลายไปด้วย เพราะคนในสังคมไม่ได้มีความมั่นคงในชีวิต ถ้าสังคมพังทลายไป เกียรติยศชื่อเสียงและความมีอันจะกินของท่านผู้มีฐานะทั้งหลายก็จะต้องล้มสลายไปด้วยเช่นกัน แต่ไม่เป็นไร ท่านมีความสามารถในด้านการค้า ธุรกิจ ท่านอาจจะไปคิดธุรกิจใหม่ หาสังคมใหม่หรือตลาดแรงงานและตลาดการค้าใหม่ในสถานที่อื่นประเทศอื่นๆ เพื่อความมีอันจะกินรอบใหม่ของท่าน เราก็ไม่ได้ว่ากัน มันเป็นไปตามหลักของการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด แต่อย่าลืมว่าพวกเราทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกัน เชื่อมโยงกันทั้งหมด มีความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์กันทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อสร้างสรรค์สังคม ความเป็นไปในสังคมก็อยู่ในกำมือของคนทุกคนในสังคม


วันนี้น้ำในกะลาใบใหญ่ที่เรียกว่า ประเทศไทย ได้สะท้อนภาพชีวิตคนไทยแท้ๆ หรือแก่นแท้ของชีวิตคนไทยให้ผู้นำในสังคมและเพื่อนๆ ในสังคมได้เห็น ได้เรียนรู้ เพื่อที่จะได้พิจารณา เพื่อที่จะได้คิด เพื่อที่จะได้เห็นใจกัน เพื่อที่จะได้เป็นโจทย์ในการฟื้นฟูและพัฒนาสังคมและประเทศไทยต่อไป