วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Perspectives – 4. ภาพชีวิต–2 (ของหมา)

หลังจากดูข่าวน้ำท่วมทุกวันจากเช้า-เย็น-ดึกจนได้เห็นภาพชีวิตจนออกมาเป็น Perspectives – 2.ภาพชีวิต ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นชีวิตของคนไทยในระดับรากหญ้าที่ต้องผจญการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จนไม่มีที่จะไปและต้องทนทุกข์อยู่น้ำที่ไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าเมืองไทยยังน่าอยู่อีกหรือไม่ เราต้องคิดกันใหม่แล้วล่ะ ในขณะที่สื่อ TVต่างๆ พยายามนำเสนอภาพชีวิตต่างๆ ของคนในสถานที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ถูกน้ำท่วม เราไม่ได้เห็นชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่เราได้เห็นชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่คนนำมันมาเลี้ยงเป็นเพื่อน โดยเฉพาะหมาและแมว แต่เท่าที่เห็นมา หมานั้นเยอะกว่า เราเห็นทั้งหมาที่มีเจ้าของและหมาจรจัด ส่วนหมาที่มีเจ้าของก็จะมีประเภทเจ้าของนำไปฝากไว้ที่ศูนย์พักพิงต่างๆ หรือไปฝากเลี้ยงไว้ที่อื่นๆ หมาพวกนี้ก็โชคดีไป เจ้าของรักและดูแลด้วยความผูกพัน บางตัวมีเจ้าของแต่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านโดยที่เจ้าของบ้านได้อพยพออกไปแล้ว น่าสงสารมาก ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของนั้นคิดอย่างไร เพราะเห็นหมาที่ถูกทิ้งไว้นั้นอยู่ในบ้านของผู้มีฐานะทั้งนั้น


คนที่ติดอยู่ในบ้านยังได้รับถุงยังชีพ แล้วหมาเหล่านี้จะได้รับถุงยังชีพบ้างหรือไม่ ทุกครั้งที่มีอาสาสมัครเข้าไปช่วยคนที่ติดน้ำท่วมก็ได้ช่วยเหลือหมาแมวเหล่านี้ออกมาด้วยทุกครั้งหรือไม่ก็ให้อาหารพวกมัน ส่วนหมาแมวที่มีเจ้าของและพอจะมีฐานะหน่อยและมีความห่วงใยและผูกพันก็จะถูกเจ้าของเคลื่อนย้ายออกไปยังที่แห้งและปลอดภัยกว่าก่อนที่จะประสบภัย ที่บ้านผมเองมีแต่หมา โดยแม่ผมเป็นคนเลี้ยง ก็เลยคิดว่าถ้าประสบภัยคงจะทุลักทุเลมากพอสมควร เพราะเห็นในข่าวแล้ว ไหนจะตัวเองและสัพภาระต่างๆ ลูกเด็กเล็กแดงแล้วก็สัตว์เลี้ยงที่รักทั้งหลาย กว่าฝ่าน้ำท่วมออกมาไปยังที่ปลอดภัย ก็คงจะยุ่งยากพอสมควร ผมก็เลยต้องจัดการขับรถขนหมาที่บ้านสองตัวและหมาของน้องสะใภ้อีกสองตัว รวมเป็น 4 ตัวไปเลี้ยงในที่ห่างๆ น้ำที่สัตหีบโน่นชั่วคราว เมื่อเหตุการณ์สงบแล้วจึงค่อยนำกลับมาที่บ้านว่าไปแล้วเกิดเป็นหมานี่ก็มีชนชั้น เกิดเป็นหมาในบ้านของคนที่มีอันจะกินก็สบายไป ถ้าเกิดมาเป็นหมามีชนชั้นชาติตระกูลหน่อย เป็นพันธุ์ที่มีชื่อเลียงหรือเป็นพันธุ์ฝรั่งก็โชคดีไป แต่นิสัยต้องดีหน่อยคนเขาจะได้รัก มีบ้านดีๆ อยู่มีอาหารดีๆ กิน เกิดเป็นหมาข้างถนนหรือในตลาดก็จะเป็นหมาอีกแบบหนึ่งอีกชนชั้นหนึ่ง แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมา ไม่รู้จริงหรือเปล่า ที่จริงชีวิตหมาๆ ดูไปก็คล้ายชีวิตคนนะครับ ที่ต้องคอยเอาอกเอาใจนาย ทำอย่างไรให้นายรัก เพื่อจะได้มีข้าวกินมีที่อยู่อาศัย ดูไปดูมาเหมือนคนมั้ย หรือว่าคนดันไปเหมือนหมา คนไปเลียนแบบชีวิตหมามา เมื่อหมาเจ็บป่วยก็มีเจ้าของพาไปหาหมออีกต่างหาก แต่ก็มีเจ้าของบางคนหนีเอาตัวรอดไปทิ้งเจ้าหมาทั้งหลายไว้ให้ผจญชีวิตอยู่กับน้ำท่วมโดยลำพัง เจ้าของหมาบางคนผูกหมาไว้บนระเบียงชั้นสอง ทำอีท่าไหนไม่รู้ หมาคงกระโดดข้ามระเบียงตกลงมา แขวนคอห้อยโตงเตงจากระเบียงชั้นสอง น่าสงสารมาก ส่วนที่ยังรอดอยู่ก็หิวโซหาที่แห้งอยู่รอคนมาช่วยเหลือหรือเอาอาหารมาให้ หมามันจะเข้าใจหรือไม่ว่าอะไรมันเกิดขึ้น ทำไมน้ำถึงได้ท่วม หมามันได้ฟังข่าวจาก ศปภ.บ้างหรือไม่ หมามันได้รับการประสานงานจาก กทม. กรมชลฯและศปภ.หรือไม่ พวกหมามันพยายามจะมาประท้วงเรื่องคันกั้นน้ำโดยมารุมกันกัดกระสอบทรายหรือไม่ ผมว่ามันคงจะไม่รู้อะไรเลย นอกจะพยายามที่จะเอาชีวิตรอดให้ได้ หมาบางตัวก็ไม่เข้าใจว่าคนที่เข้ามานั้นจะมาช่วยมัน หมาจึงต้องหนีเอาไว้ก่อน หมาบางตัวก็ว่ายน้ำหนีออกไปจนหมดแรง จมน้ำไปก็มี นี่แหละครับภาพชีวิตของคนและหมา ผมว่าชีวิตคนและหมาที่ถูกกำหนดให้เล่นอยู่ในละครฉากเดียวกันอยู่กรุงเทพฯ และประเทศไทย ดูเหมือนว่าทั้งคนและหมาถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน อยู่กันคนละไฟลัมกัน แต่ก็มีความเหมือนกัน คือ ทั้งคนทั้งหมาก็เอาชีวิตรอด ทั้งคนทั้งหมาต่างก็มีความกลัว ทั้งคนทั้งหมาต่างก็มีความหวังจากความช่วยเหลือ คนกับหมาก็คล้ายกัน เวลาอยู่ว่างๆ ทั้งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน พอไม่มีอะไรทำก็กัดกันเอง ดูแล้วเหมือนคนไหม ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คนกับหมาต่างกัน ก็คือ คนเป็นมนุษย์ ส่วนหมานั้นเป็นสัตว์ เรื่องนี้คนเป็นคนกำหนดเองนะครับ ส่วนหมานั้นคิดอย่างไรไม่รู้ ผมไม่เคยเป็นหมาครับ อย่างไรก็ตามคนกับหมาต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน แต่คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เราเรียกตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐกว่า สร้างสรรค์กว่า มีปัญญากว่า แต่คนก็ใช้ปัญญาในการทำลายธรรมชาติไปมากกว่าสัตว์อื่นๆ ในโลก ก็เลยไม่รู้ว่าระหว่างหมากับคน ใครประเสริฐกว่ากัน