ผมไปอ่านบทความภาษาอังกฤษมา ได้ห็นคำว่า Logistics Values แล้วนึกถึงสไลด์คำสอนของตัวผมเองในแผ่นแรกเลยของการสอนลอจิสติกส์และโซ่อุปทานทุกครั้งจะต้องมีการให้ความหมายของคำว่าคุณค่า(Value)ซึ่งผมจะแบ่งออกเป็นคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ (Logistics Value) และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ (Product Value) ซึ่งตรงคุณค่าเชิงลอจิสติกส์นี้เราพูดกันน้อยมากในภาคภาษาไทยหรือในชีวิตประจำวัน มันมีจริงๆ แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับความหมายของมัน
แต่เท่าที่เรามีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าไม่มีคุณค่าเชิงลอจิสติกส์เสียแล้ว เราก็คงจะไม่อยู่รอด ผมอธิบายง่ายๆว่าคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ คือ การที่ทำให้เราได้คุณค่าที่เราต้องการ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่ส่งผ่านแลกเปลี่ยนความเป็นเจ้าของกันระหว่างคนซื้อกับคนขาย หรือการให้บริการกันระว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ดังนั้นคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ คือ การมีพร้อม (Availability) ของทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งคุณค่าที่ลูกค้าต้องการสำหรับการนำส่งไปถึงเมื่อลูกค้าเมื่อลูกค้าต้องการ ซึ่งยังหมายถึง เวลา สถานที่ จำนวน และความถูกต้องทั้งหมด ถึงแม้จะมีคุณค่าเชิงผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว แต่ไม่มีคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ที่ดี เมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าต้องการที่จะใช้คุณค่านั้น แล้วลูกค้าไม่ได้รับคุณค่าที่ต้องการนั้น Supply ไม่ match กับ Demand ดังนั้นลอจิสติกส์ที่ดีจะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทันที Just in Time
แต่เท่าที่เรามีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าไม่มีคุณค่าเชิงลอจิสติกส์เสียแล้ว เราก็คงจะไม่อยู่รอด ผมอธิบายง่ายๆว่าคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ คือ การที่ทำให้เราได้คุณค่าที่เราต้องการ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่ส่งผ่านแลกเปลี่ยนความเป็นเจ้าของกันระหว่างคนซื้อกับคนขาย หรือการให้บริการกันระว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ดังนั้นคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ คือ การมีพร้อม (Availability) ของทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งคุณค่าที่ลูกค้าต้องการสำหรับการนำส่งไปถึงเมื่อลูกค้าเมื่อลูกค้าต้องการ ซึ่งยังหมายถึง เวลา สถานที่ จำนวน และความถูกต้องทั้งหมด ถึงแม้จะมีคุณค่าเชิงผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว แต่ไม่มีคุณค่าเชิงลอจิสติกส์ที่ดี เมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าต้องการที่จะใช้คุณค่านั้น แล้วลูกค้าไม่ได้รับคุณค่าที่ต้องการนั้น Supply ไม่ match กับ Demand ดังนั้นลอจิสติกส์ที่ดีจะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทันที Just in Time
กิจกรรมลอจิสติกส์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ การเคลื่อนย้าย การจัดเก็บ การขนส่ง การกระจายสินค้า ก็เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเมื่อลูกค้าต้องการ เรื่องของการลดต้นทุนสินค้าคงคลัง การลดต้นทุนขนส่ง การลดต้นทุนการกระจายสินค้านั้นไม่ใช่ประเด็นของการจัดการลอจิสติกส์ ก็อย่างที่ผมว่านั่นล่ะครับ ลอจิสติกส์เป็นเรื่องที่ทำอย่างไรให้ลูกค้าได้สินค้าหรือคุณค่าเมื่อต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องของประสิทธิผล ส่วนเรื่องการลดต้นทุนนั้นเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของลอจิสติกส์ ถ้าจะจัดการลอจิสติกส์หรือจัดการอะไรก็ตาม เราจะต้องเน้นที่ผลหรือประสิทธิผล ไม่ใช่ประสิทธิภาพแต่เพียงอย่างเดียว เพราะว่าถ้าประสิทธิภาพดีด้วยต้นทุนที่ต่ำแต่ไม่ได้ประสิทธิผล ของหรือสินค้าไม่ได้ถึงมือลูกค้าตามที่ลูกค้าต้องการ ก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อวานนี้ผมไปงาน HA National Forum ครั้งที่ 13 ที่ เมืองธานี แน่นอนครับ คนเยอะมากๆ และเยอะทุกวันซึ่งจัดงานกันไปถึงวันศุกร์ที่ 16 ผมได้รับข้อมูลว่า ในแต่ละวันน่าจะมีคนเข้ามาร่วมประชุมงานนี้ประมาณ 3000คน แน่นอน ครับสถานที่หรือ ห้องในการจัดงานคงจะใหญ่ไม่พอ จึงจะต้อง TV วงจรปิดไว้บริการในจุดต่างเพื่อให้การฟังสัมมนาได้ทั่วถึงคนที่ต้องการ นี่ก็เป็นลอจิสติกส์อีกกิจกรรมหนึ่งครับ ทำให้ลูกค้าหรือผู้เข้าร่วมประชุมได้เข้าถึงการสัมมนา คราวนี้สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นก็ คือ การจัดเตรียมทรัพยากรไว้รองรับคนประมาณ 3000 นั้นคงจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ทั้งที่จอดรถและสถานที่ต่างๆ เรื่องนั้นก็คงจะพออยู่ แต่พอคน 3000 คน ต้องไปกินข้าวตอนเที่ยงพร้อมกันเนี่ยสิ จะทำอย่างไร จะต้องมีกี่ร้านและกี่โต๊ะ คนจะต้องรอสั่งข้าวและกินข้าวกันอย่างไร เพราะว่ามีเวลาให้กินข้าวประมาณ1 ชั่วโมงเท่านั้น
ผมได้ไปเห็นพื้นที่ในการจัดงานนี้เป็นพื้นที่ซึ่งแจกจ่าย Lunch Box ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะรวมค่าใช้จ่ายเข้าไปกับการร่วมสัมมนาไปแล้ว นี่ไงครับลอจิสติกส์อาหารกลางวันสำหรับคน 3000คนที่จะต้องกินข้าวให้เสร็จตามเวลา กิจกรรมเหล่านี้ไงครับ คือ การจัดการลอจิสติกส์ ทำอย่างไรเพื่อให้สามารถให้บริการอาหารกลางวันได้ครบถ้วนตามเวลาและอย่างเหมาะสม แล้วผมก็เห็น Suppliers ในการให้บริการ Lunch Box เข้ามาแจกจ่าย อาหารกล่อง นี่ไงโซ่อุปทาน แล้วต่างคนต่างก็ไปรับประทานในสถานที่ที่จัดไว้ตามความเหมาะสม
จากเวลาที่กำจัดและจำนวนที่ถูกกำหนดมาที่เป็นข้อจำกัดทำให้การบริการอาหารกลางวันจึงออกมาในรูปแบบ Lunch Box แทน นี่แหละครับ การจัดการลอจิสติกส์ที่ผมว่า ผมเอาของเก่าที่เรารู้กันและทำกันมานานแล้วในชีวิตเรา มาเล่าให้ฟัง แต่ว่าเราอาจจะไม่รู้ว่านี่คือ การจัดการลอจิสติกส์ แต่ก็มีคำถามต่อไปว่า ถ้ารู้ว่าเป็นลอจิสติกส์แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อ จะทำอะไรให้ดีขึ้นไหม ผมตอบว่า แต่เดิมนั้น เราจัดการลอจิสติกส์แบบลูกทุ่ง แต่ก็ได้ผล เหมือนเล่นดนตรีไม่รู้โน้ต ก็ร้องได้เล่นได้ แต่ถ้ารู้โน้ตรู้เทคนิคแล้ว ผมเชื่อว่าเราเล่นได้ดีกว่าไม่รู้โน้ตอย่างแน่นอน เช่นกันครับจากกิจกรรมธรรมดาๆ ในชีวิตเรา ที่เราทำกันเพื่อความอยู่รอดทั้งในชีวิตและธุรกิจ เราก็ทำได้ดี แล้วเรียนรุ้กันไป ก็ทำได้ดีขึ้น แต่ถ้ารู้ในหลักการแล้ว เรารู้จักคิดก่อนและออกแบบไว้ก่อน ผลลัพธ์ที่ออกมา มันน่าจะดีขึ้น มีโอกาสผิดพลาดน้อยลง ความเสี่ยงก็ต่ำลงครับ ได้ประสิทธิผลมากขึ้น แล้วผลพลอยได้ต้นทุนก็ต่ำลง อย่างนี้แล้วพอจะอธิบายเรื่องลอจิสติกส์ได้กระจ่างขึ้นบ้างไหมครับ เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่า คนอ่านนั้นอยากรู้หรือไม่ แต่ผมคิดว่าผมอยากให้ทุกคนรู้แล้วจะได้นำเอาหลักคิดในเชิงลอจิสติกส์และโซ่อุปทานไปประยุกต์ใช้ในงานและชีวิต