วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

My Thoughts - ความภูมิใจในอดีตหรือ? จะสู้กับความภูมิใจในวันนี้

วันนี้ 20 มี.ค. 55 ไปร่วมเป็นวิทยากรที่ Impact เมืองทองธานี ได้มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารท่านหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองไทย ท่านได้กล่าวถึงเพื่อนของท่านที่ไปมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ท่านเล่าให้ฟังถึงคำปรารภของเพื่อนของท่านว่า เพื่อนของท่านนั้นเป็นห่วงประเทศไทย เป็นห่วงสังคมไทย ทำไมสังคมไทยและประเทศไทยถึงเป็นเช่นนี้ แล้วผมก็นึกในใจว่า แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ ผมก็ได้คำตอบที่ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก เอาเป็นว่า คนไทยไม่ขยันเหมือนคนมาเลย์ก็แล้วกัน คือคงจะต้องฟังไว้ครับ!


ผมเองก็มีเพื่อนเป็นคนมาเลย์เหมือนกันในสมัยที่ยังเรียนปริญญาโทและเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่า คนมาเลย์จะสู้ไทยได้ เพราะว่าในเวลานั้นนักเรียนไทยที่เรียนปริญญาโทและเอกในแต่ละมหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นเยอะมาก เมื่อเทียบกับนักเรียนมาเลย์ นักเรียนไทยมีมากกว่าหลายๆ เท่าตัว ดูๆ ไปแล้ว มาเลย์จะสู้กับไทยได้หรือ? ผมยังเถียงกับอาจารย์ของผมเลยว่า ไทยนั้นเหนือว่ามาเลย์แน่นอน แต่สุดท้ายผมก็ผิด ตอนนี้เขาทิ้งเราห่างกันไปหลายช่วงตัว เป็นเพราะอะไรก็คงมีคนพูดถึงเหตุผลให้ฟังมากมาย


สิ่งหนึ่งที่บั่นทอนความคิดของผมเมื่อเราพูดถึงกำลังความสามารถของเราหรือความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เมื่อหลายๆ ท่านในหลายๆ หน่วยงานพยายามที่จะนำตัวเลขทั้งหลายมาแสดงให้เห็นถึงความหายนะผสมกับบางตัวเลขที่เป็นความหวังที่เจิดจ้า แต่ก็ไม่ได้มีใครสามารถให้หนทางออกหรือทางแก้ไขได้เด่นชัดหรือครอบคลุมไปทั้งหมดได้ เราจึงต้องเดินทางกันต่อไปด้วยความคลุมเครือเหมือนคนตาปรือๆ ไม่บอด แต่ตามัวๆ เห็นไม่ชัดเจน ดวงตานั้นไม่เท่าไหร่ แต่ใจนี่สิ ไม่รู้จะไปไหน หมายความว่าไม่สามารถตัดสินใจได้ ไม่รู้ถึงหนทางข้างหน้า ขาดภาวะผู้นำ เรื่องอย่างนี้มันถูกแสดงออกมาเป็นตัวเลขต่างๆ ที่สำนักต่างๆ นำมาแถลงและให้อันดับกันทั่วไป พวกเราก็นั่งมองกันตาปรือๆ อย่างที่เห็น


เสร็จแล้วเราก็จะได้ยินเสียงลอดออกมาจากสื่อต่างๆ ว่า เราภูมิใจในความเป็นไทย เราภูมิใจในภาษาไทย ผมฟังมาตั้งแต่เด็กๆจนแก่อีกไม่กี่ปีก็จะปลดระวางอยู่แล้ว ก็ยังได้ยินอยู่เสมอ ทำไมหรือครับ ผมมีปัญหาอะไรกับความเป็นไทย อ๋อไม่หรอกครับ ยังมีความภูมิในในความเป็นไทยอยู่ครับ เพียงแต่สงสัยว่า ปัจจุบันเรามีอะไรให้ภูมิใจมากไหมครับ นอกจากพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่เห็นอยู่ (บังเอิญ ชื่อมันตรง) แล้วก็ตัวเลขและอันดับต่างๆที่มันฟ้องอยู่ แล้วเราจะมามัวภูมิใจอยู่กันในเรื่องอะไรเล่าครับ ต้องรีบทำอะไรอย่างจริงจังเสียที นั่นแสดงว่าที่ผ่านมานั้น เราคงจะไม่ค่อยได้ทำอะไรอย่างจริงใจกันเลยมั๊ง


ผมมีความคิดอย่างนี้ครับ! คนเรานั้นน่ะจะภูมิใจอะไรๆก็ตาม ก็เพราะว่าเราได้ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในปัจจุบัน เช่น ลูกไปแข่งกีฬาและชนะได้เหรียญมา เราก็จะบอกว่าเราภูมิใจในตัวลูก แต่เวลานี้เรากลับไปภูมิใจกับอดีตที่มันจบไปแล้ว แต่กลับไม่ได้พยายามทำปัจจุบันให้ดีและพัฒนาสู่อนาคตที่ดีกว่า มัวแต่บอกกันอยู่นั่นแหละว่า จงภูมิใจในความเป็นไทย (อดีต) แล้วปัจจุบันแหละ ทำอะไรกันบ้าง ผมว่ามันไม่น่าภูมิใจเท่าไหร่นัก ตอนนี้นอกจากจะแข่งกันเวียดนามแล้ว ตอนนี้เป็นไงพม่าเริ่มตื่นขึ้นมาแล้ว เป็นไงล่ะ แรงงานรอบๆ บ้านเราทุกชาติ พูดภาษาไทยเราได้ แต่คนไทยพูดภาษาพวกเขาไม่ได้เลย คราวนี้ใครได้เปรียบ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงแว่วมาอีกว่าจงภูมิใจในความเป็นไทยอีก แล้วเราจะเอาความเป็นไทยที่มีอยู่นี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรกับไทยในปัจจุบันและอนาคต

เราจะต้องกำหนดความเป็นไทยในปัจจุบันกันใหม่ และมองไปในอนาคตเพื่อจะได้มีทิศทาง ไม่ใช่อยู่กันไปเป็นรัฐบาลๆ ไป ผลัดกันขึ้นมา แล้วประเทศก็ไม่ได้ไปไหนเสียที ไม่ใช่เมื่อผิดหวังอะไร ไม่สำเร็จอะไร ก็หันกลับไปบูชาอดีต ไปหากินกับประวัติศาสตร์ แล้วก็หลงอยู่กับมัน จนลืมว่าเราอยู่กับปัจจุบัน และถ้าสร้างปัจจุบันไม่ได้แล้ว ก็คงจะต้องรู้ตัวเองว่า ไม่มีอนาคตแน่ๆ เราศึกษาประวัติศาสตร์ไม่เป็น เราไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ ดูเหมือนว่าเราแค่ใช้ประวัติศาสตร์ในการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่า เพื่อประโยชน์อะไรก็ตาม ผมว่ามันไม่ใช่แนวทางที่มีประสิทธิผลเลย เราต้องใช้ประวัติศาสตร์เพื่อที่จะเข้าใจปัจจุบันเพื่อที่จะสร้างอนาคต
เราไม่ได้ป็นคนสร้างความภูมิใจในอดีต แต่เราสามารถใช้เรื่องความสำเร็จในอดีตนั้นมาเป็นเครื่องมือในการผลักดันและสร้างกำลังใจเพื่อสร้างและแก้ปัจจุบันให้ดีขึ้นและอนาคตที่ดีกว่าได้ แต่ไม่ค่อยได้เห็นทำกัน เมื่อล้มเหลวในการสร้างปัจจุบัน แน่นอนไม่ต้องพูดถึงอนาคต ไม่มีแน่ เราก็เลยเอาความภูมิใจในอดีตมาปิดปมด้อยของความล้มเหลวในปัจจุบันเสีย เราใช้อดีตไม่ถูกทางถูกเรื่อง เราไม่เคยที่จะศึกษารูปแบบหรือ Pattern ของความสำเร็จในบริบทของอดีต ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราสามารถที่จะนำ Pattern นั้นมาเป็นพื้นฐานในการดำเนินงานในปัจจุบันได้บนบริบทในปัจจุบัน แม้แต่บริบทในอนาคต


เรื่องของประเทศและสังคม คงจะไม่ใช่แค่หน้าที่ของคนทุกคนเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ของกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้นำสังคมที่จะต้องนำพาประเทศและสังคมไปสู่จุดหมายที่วางไว้และดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน แล้ววันนี้กลุ่มคนกลุ่มนั้นได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคนทั้งประเทศและสังคมนั้นได้อย่างสมควรแล้วหรือยัง ความภูมิใจในอดีตนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรเลยเท่ากับความภูมิใจในปัจจุบันที่ทำให้เกิดความเป็นจริงในปัจจุบันที่เราสามารถอยู่รอดได้ในปัจจุบันเท่านั้น “ยิ่งใหญ่ในอดีตหรือจะเท่ากับอยู่รอดได้ในปัจจุบัน”