วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

Education - เรียนปริญญาโทลอจิสติกส์ ที่ไหนดี อย่างไรดี

ขออนุญาตนำ Comment ก่อนเก่าประมาณ 1 วันมาใส่ไว้ในบันทึกที่มีคนถามกันมาใน Pantip.com ว่าจะเรียนปริญญาโทด้านลอจิสติกส์ที่ไหนกันดี ผมกลัวว่า Comments จะหายไปหาไม่เจอครับ ก็เลยเอามาบันทึกเก็บไว้

มีคนถามว่า


เรียนโทคณะ การจัดการอุตสาหกรรม สาขาการจัดการโลจิสติกและห่วงโซ่อุปทาน ดีหรือเปล่าครับมีใคร เคยเรียนโทคณะ การจัดการอุตสาหกรรม สาขาการจัดการโลจิสติกและห่วงโซ่อุปทาน หรือเปล่าครับผม กำลังสนใจศึกษาในหลักสูตรอุตสาหกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรม (MIM) ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือครับ ไม่ทราบมีท่านใดเคยเรียนที่นี่ หรือคณะนี้บ้างไหม อยากทราบว่าเป็นอย่างไรดีไหม แล้วปัจจุบันไปประกอบอาชีพอะไรที่ไหนบ้างครับ

ขอบคุณครับ

อ.วิทยา Comment ว่า เรียนที่ไหนดี ก็แล้วแต่ครับ ต้องลองถามกันดู มีหลายแห่งที่สอนวิชาลอจิสติกส์และโซ่อุปทาน ดูๆ ไปก็ดีนะครับ เป็นวิชาชีพที่ยังมีอนาคต คือ ยังไม่มีใครรู้แน่ว่า อะไรเป็นหรือตรงไหนเป็นลอจิสติกส์และโซ่อุปทาน เอาแค่เห็นว่าเป็นการขนส่งก็อ้างได้แล้วว่า เป็นลอจิสติกส์ หรือเห็นว่ามีการจัดซื้อจัดหาก็เป็นลอจสิติกส์และโซ่อุปทานไปซะแล้ว

แล้วยิ่งเป็นการต่อ ป.โท ซะด้วย เรียนไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเนื่อหานั้นจะเหมือน ป.ตรี หรือไม่ แล้วมันจะต่างกันตรงไหน ถ้าจะเรียนป.โทนั้น หวังอย่างแรก ต้องได้ปริญญา ถ้าไม่หวังปริญญา ก็ไม่ต้องไปเรียนมันให้เสียเงิน เสียเวลา เมื่อเสียเงินเสียเวลาแล้ว เราจะได้อะไรกลับมาบ้าง ถามตัวเองก่อนว่า ปริญญาโทให้อะไรเรา สร้างอะไรให้เรา ต่างกับปริญญาตรีตรงไหน

ส่วนเรื่องลอจิสติกส์และโซ่อุปทานในแต่ละที่นั้น คิดว่ามีเนื่อหาวิชาตรงตามชื่อทั้งนั้นแหละครับ แต่แก่นของวิชานั้นและการบูรณาการของแต่ละวิชานั้นเป็นไปตามปรัชญาของลอจิสติกส์และโซ่อุปทานหรือไม่ ก็ต้องประเมินกันเอาเองนะครับ ให้สังเกตุว่า อาจารย์แต่ละคนที่สอนๆกันในหลักสูตรเหล่านี้คุยกันบ้างหรือไม่ เข้าใจตรงกันหรือไม่ แล้วมันจะเป็นลอจิสติกส์และโซ่อุปทานได้อย่างไร จริงไหมครับ


พี่พงษศักดิ์ comment ว่าป.โท ด้าน Logistics บางหลักสูตร บางแห่ง เป็นหลักสูตรเดิมๆ ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วมา ไม่ได้ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทั้งๆที่ Real Sector จริงๆได้เปลี่ยนไปมากแล้ว..

อ.วิทยา comment การเกิดขึ้นของสาขาวิชานี้ ไม่ใช่การเกิดขึ้นแบบธรรมดาเหมือนวิชาการทั่วไป ที่จับต้องได้ แล้วนำไปใช้แบบเป็นรูปธรรม แต่แนวคิดลอจิสติกส์และโซ่อุปทานเกิดจากรูปธรรมที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านแนวคิดไปสู่จุดที่เหมาะสม (ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด)จึงเกิดเป็นแนวคิดใหม่ที่เป็นนามธรรม (Abstract) ขึ้นมา แล้วมนุษย์เราจึงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางรูปธรรมอีกต่อหนึ่ง

ลอจิสติกส์และโซ่อุปทานเป็นแนวคิดเชิงองค์รวมที่เป็นนามธรรมซึ่งจะทำให้การดำเนินงานทาง รูปธรรมต่างๆ ตั้งแต่ จัดซื้อ ผลิต ส่ง ขาย สารสนเทศ ERP Forcasting ซึ่งไม่ได้บูรณาการกัน ไม่เป็นองค์รวม เป็นแท่งๆ Silosต่างคนต่างทำงาน ให้เป็นองค์รวมมากขึ้น เป็นระบบมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ทำงานร่วมกัน (Collaborations) สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ไวขึ้น ต้นทุนลดลง กำไรมากขึ้น

ดังนั้นหลักสูตรที่ดี ก็ควรจะมีแนวคิดตามที่ผมกล่าวมาข้างต้น การทำหลักสูตรลอจิสติกส์และโซ่อุปทานในเมืองไทยนั้น ยังไม่ถึงขั้น ตัวหลักสูตรและการบริหารหลักสูตรเองก็ยังไม่เป็นระบบ ไม่เป็นองค์รวม อาจารย์ต่างคน ต่างสอน ไม่รู้กันว่า ใครสอนอะไรไปบ้าง สอนให้จบๆ เป็นวิชาๆ ไป

นักศึกษาเองก็ไม่สามารถปะติดปะต่อวิชาต่างๆอย่างเป็นองค์รวมได้ หรืออย่างเป็นระบบเดียวได้ เพราะที่วิชาสอนๆ อยู่นี้ ไม่ใช่ลอจิสติกส์ และไม่ใช่โซ่อุปทาน เพราะความคิดและความเข้าใจของหลักสูตรไม่เป็นลอจิสติกส์และโซ่อุปทานเลย อย่ามาบอกว่า Transportation เป้นลอจิสติกส์ Warehouse เป็นลอจิสติกส์ ไม่จริง และไม่จริง

ที่สอนๆ อยู่นั้นก็เป็นแค่ วิชา Warehouse หรือ วิชา Transportation. ส่วนคนทำงานในด้าน Warhouse หรือ Purchasing หรือ Transportation ก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำกิจกรรมลอจิสติกส์และโซ่อุปทานในสิ่งหรือกิจกรรมที่ตัวเองกำลังดำเนินการอยู่ คุณต้องสังเกตุและศึกษาให้ดี เวลาทำงาน

ส่วนที่คิดว่าจะมาเรียนให้รู้ว่าลอจิสติกส์และโซ่อุปทานคืออะไรนั้น ผมไม่แน่ใจครับ เพราะว่าแต่ละหลักสูตรนั้น ยังสอนกันเป็นเรื่องๆ อยู่เลย เป็น Silos อาจารย์แต่ละคนก็ต่างคนต่างสอนกันอยู่ แล้วมันจะเป็นองค์รวมหรือโซ่อุปทานได้อย่างไร แต่ก็ได้ปริญญานะครับ ก็ลองไปคิดกันดูครับ!


อ.วิทยา comment ถ้ามีคนถามว่า แล้วอาจารย์จะไปสอนปริญญาโทเหล่านั้นไหม OK แน่นอน ไปแน่ ถ้าได้เงินค่าสอน (ค่าสอนไม่ใช่ประเด็นใหญ่) อยากไปเพราะ อยากไปสอนอะไรๆ ที่อยากให้นักศึกษาได้เข้าใจอะไรๆ เสียใหม่ ผมจึงไม่ค่อยได้ใช้หนังสือตำราเท่าไหร่นัก ไม่อยากจะสอนเยอะ เพราะทางหลักสูตรไม่ได้ให้สอนมากวิชา ขอแค่วิชาหรือครึ่งวิชาก็ยังดี ผมพอจะได้แสดงวิสัยทัศน์หรือมโอกาสนำเสนอแนวคิดที่ผมมีอยู่บ้าง เผื่อว่านักศึกษาสามารถนำไปคิดและใช้ประโยชน์ได้บ้างในอนาคต ถึงอย่างไรก็ตาม มีเปิดสอนก็ยังดีกว่าไม่มี แต่ก็น่าจะทำอะไรให้มันแตกต่างบ้าง ไม่ใช่แค่สอน แล้วก็สอน แล้วก็สอบ แล้วก็รับปริญญา จบออกไปแล้ว มันจะแตกต่างกันอย่างไร เราสามารถบอกได้หรือไม่ว่า เรียนแล้วจะแตกต่างหรือเติบโตในหน้าที่การงาน สิ่งที่อาจารย์สอนนั้นช่วยได้มากจริงหรือ คุณแน่ใจหรือ ผมไม่เคยเชื่อว่าสิ่งที่ผมสอนหรือบอกกล่าวไปจะช่วยให้นักศึกษาทำงานได้ดีขึ้น นั่นไม่จริงเลย ที่จริงแล้วตัวนักศึกษาเองจะต้องสร้างกระบวนการคิดและภาวะผู้นำขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างให้เกิดความแตกต่างกับผู้อื่นในกระบวนการทำงาน


ผมยังมีความเชื่อว่า กระบวนการการทำวิทยานิพนธ์นั้นเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เหมือนการทำงานและตรงกับชีวิตจริงมากที่สุด แต่ปริญญาโทส่วนใหญ่เอาง่ายเข้าไว้ เร็วเข้าว่า ทำให้ขาดหัวใจและกระบวนการคิดสำหรับภาวะผู้นำดังกล่าว ผมไม่เคยคิดที่จะมาเป็นผู้บริหารหลักสูตรปริญญาโทและเอกที่ไหนมาก่อน ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็น แต่ถ้ามีโอกาสผมจะไม่ทำและบริหารหลักสูตรอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็อย่างว่าแหละครับโลกการศึกษาและโลกแห่งความเป็นจริงในการทำงานมันต่างกัน ทั้งๆ ที่ในโลกแห่งการทำงานนั้นที่จริงแล้วมันถูกขับเคลื่อนไปด้วยกระบวนการศึกษาเรียนรู้ทั้งสิ้น ตั้งแต่การเรียนรู้ การวิจัย การนำเสนอ การทดลอง เพียงแต่ว่าเป้าหมายของชีวิตจริง คือ การอยู่รอดของชีวิตและธุรกิจ แต่ในการศึกษาทุกคนทำเพื่อใบปริญญาหรือไม่ก็ตำแหน่งทางวิชาการ แล้วก็ความอยู่รอดของอาจารย์ ในทางกลับกันถ้าทั้งโลกการศึกษาและโลกแห่งความเป็นจริงสามารถมารวมตัวกันได้ มันจะดีสักแค่ไหน ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับสังคมขนาดไหน เราก็จะสนุกกับการเรียนและทำงานไป เป็นการทำงานและเรียนรู้ตลอดชีวิต แล้วปริญญาก็จะไม่มีความหมาย แต่ความรู้ก็จะเบ่งบานงอกงามอย่างต่อเนื่องและเป็นความรู้ที่เกิดจากความเป็นจริงด้วย.