วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

Life - อารมณ์ (Emotion) และความรัก (Love) : พื้นฐานแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์ (Human Soul)

ได้ดูหนัง TV Series เรื่อง “V” ของอเมริกา ซึ่งเป็นเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่จะเข้ามายึดครองโลก ด้วยแนวคิดที่ว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกต่างๆในเชิงจิตใจ ไม่ว่าจะรักหรือสงสาร และเชื่อมโยงไปสรุปได้ว่า มนุษย์มีวิญญาณหรือ Soul นี่คือ สิ่งที่มนุษย์ต่างดาวและมนุษย์บนโลกแตกต่างกัน ในหมู่มนุษย์ต่างดาวเองก็ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่มซึ่งต่อสู้กันทางความคิดกันเองว่า ความอยู่รอดของสปีชี่ของมนุษย์ต่างดาวนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับอารมณ์และวิญญาณเหมือนมนุษย์บนโลก อีกกลุ่มหนึ่งของมนุษย์ต่างดาวนั้นก็คิดว่า ความคงอยู่ของสปีชี่ของมนุษย์ต่างดาวนั้นไม่ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์และวิญญาณ มนุษย์ต่างดาวนั้นจำเป็นจะต้องใช้อารมณ์และจิตวิญญาณในการดำรงอยู่ของชีวิต


ที่จริงแล้ว TVSeries นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยมีสร้างออกมาแล้วตั้งแต่ปี 1984 แล้ว ผมได้ดูไปแล้ว2 Seasonทำให้ผมต้องคิดตามว่า เวลานี้คนในฝั่งตะวันตกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่ ภาพของการนำเสนอในด้านบันเทิงต่างๆ ที่มีผลต่อสังคมนั้นน่าจะสะท้อนมุมมองความคิดของสังคมของเขาออกมาบ้าง ในระยะหลังๆ นี้ TV series เรื่องมนุษย์ต่างดาวก็มีมากขึ้น พอๆ กับเรื่องประเภท Vampire แล้วอย่าลืมหันหลังกลับมาดูละครไทยกันบ้าง ผมคิดว่ายังคงรูปแบบเดิมๆ บทหรือ Plot เดิม เยี่ยมยอดมากครับ รักษาความเจริญได้คงเส้นคงวาได้เป็นอย่างดี ก็คือ ไม่ได้ก้าวไปไหนเท่าไรนัก ยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้เท่าเดิมมานานนับสิบปี มิน่าเล่าคนไทยเราถึงไม่ค่อยมีมุมมองอะไรใหม่เท่าไหร่นัก (มักไม่ค่อยที่จะอยากจะคิดอะไรให้เป็นเสียเท่าไหร่ หรือพูดง่ายว่าไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ เพราะโดนมอมเมาสียเยอะ แถมระบบการศึกษายังไม่แข็งแกร่งพออีก แค่นี้ก็แย่แล้วครับ)


Introduction ไปซะเยอะเลย วันนี้ผมเลยอยากจะกล่าวถึงอารมณ์และวิญญาณเสียนิดนึงเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศความรักในวันวาเลนไทน์ด้วย จากการที่ดูหนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกเรานี้ อารมณ์สามารถถูกใช้เป็นทั้งเครื่องมือที่ให้ประโยชน์และใช้เป็นอาวุธที่ทำลายมนุษยชาติได้เป็นอย่างดี อารมณ์เป็นเป็นองค์ประกอบหนึ่งสำหรับการตัดสินใจของมนุษย์ ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ในเชิงจิตวิทยาโดยตรง แต่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมตอบสนองในเชิงอารมณ์ได้ เช่น ในพืช ในสัตว์หรือในมนุษย์นี้ ความเป็นคนหรือความเป็นมนุษย์นี้ก็เกิดจากอารมณ์ทั้งสิ้น คนเราจะเกิดจะดับก็มาจากอารมณ์เช่นกัน ถ้าเราควบคุมอารมณ์ได้เราก็จะได้ประโยชน์จากมัน ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เราจะทำอะไรสักอย่าง ในหลายๆ ครั้งก็ต้องมีอารมณ์ร่วมกันเสียก่อน แต่ถ้าบางครั้งไม่มีอารมณ์เสียแล้ว การที่เราจะเริ่มลงมือทำก็ค่อนข้างจะลำบากหน่อยหรือไม่สำเร็จ ในทางพุทธศาสนา สุดยอดคือ การควบคุมอารมณ์ของเราที่มาจากข้างในใจของเรา เพราะถ้าปล่อยอารมณ์ออกมาโดยไม่มีการควบคุมเสียแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็จะตามมา


อารมณ์มีได้หลายอย่างทั้งอารมณ์เกลียดและอารมณ์รัก ซึ่งทั้งสองอารมณ์นี้ทำให้เกิดทุกข์และสุขตามลำดับ หรือบางคนอาจจะสับสนหรืออาจจะเป็นไปได้แล้วแต่กรณี ที่มีอารมณ์ทั้งรักทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน เหมือนกับชื่อเพลงและบทในละครไทยที่มีมาช้านาน ที่นางเอกจะเกลียดพระเอกมากๆ ในตอนแรก แต่ก็มารักด้วยเกลียดด้วยจนตกเป็นของพระเอกในภายหลัง ตามฟอร์มหรือตามบทที่ไม่ค่อยจะพัฒนาเท่าไหร่เลย

แล้วอารมณ์รัก คือ อะไรล่ะ? ที่แน่ๆ ต้องตรงกันข้ามกับอารมณ์เกลียดเป็นแน่แท้ ตามความคิดของผมนั้นอารมณ์เป็นพื้นฐานของกลไกที่มีต่อความรู้สึกของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปสู่การตัดสินใจต่างๆ ในกิจกรรมการดำเนินชีวิต ดังนั้นจากอารมณ์ก็จะพัฒนาไปสู่ความรักและความเกลียดได้ จากนั้นก็จะนำพาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองหรือความล่มสลายได้เช่นเดียวกัน แล้วอารมณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ระยะหลังนี้มีหนังสือที่เกี่ยวกับระบบการทำงานของสมองออกมาวางขายมากมาย โดยอ้างถึงผลการทดลองและความรู้เชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างๆ ที่ได้พยายามอธิบายว่าอารมณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เท่าที่ผมคิดได้นั้น อารมณ์เกิดจากผลของการตัดสินใจและสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อตัวเราหรือผลประโยชน์ของเรา เมื่อใดเราได้ประโยชน์ เราก็มีอารมณ์สุข เมื่อใดเราเสียประโยชน์เราก็มีอารมณ์ทุกข์


แล้วอารมณ์รักและอารมณ์เกลียดนั้นมาจากไหน พอถึงตรงนี้ก็เริ่มซับซ้อนเสียแล้ว เพราะบางครั้งนั้นเรามีอารมณ์รัก แต่เราพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตนได้เพื่อคนที่เรารัก ทั้งๆ ที่ส่วนมากคนเรานั้นมีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น แต่ทำไมเมื่อเรารักแล้ว เรามักจะให้หรือแบ่งปันกัน เหมือนที่เขาพูดกันเสมอว่า “รักคือการให้” แล้วมันจริงไหม? หรือว่าเป็นการให้เพื่อที่จะเอาคืนในภายหลังที่ได้มากกว่า ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่เสมอ ในบางกรณีเมื่อความรักมีปัญหาหรือขาดตอนลงก็เลยกลายเป็นความเกลียดไป หรือบางครั้งเมื่อไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ใจอยากได้ก็เลยกลายเป็นความเกลียดก็มีให้เห็นมากมาย


แต่ลองคิดดูดีๆนะครับ บางคนมีรัก แต่ก็ทุกข์ เออ! ทำไมล่ะ มันผิดคำนิยามตรงไหน เมื่อมีรักมันต้องสุขสิ ไฉนเลยกลายเป็นความทุกข์ แถมยังมีคำพูดว่า “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” สงสัยว่าคำนิยามของผมนั้น อาจจะผิดก็ได้ สงสัยว่าต้องแบ่งระดับชั้นความรู้สึกกันเสียแล้ว นั่นแสดงว่าก็ต้องรักให้เป็นจึงจะสุข ทำอย่างไรถึงจะสุขทั้งน้ำตา ทำอย่างไรถึงจะสุขทั้งๆ ที่เจ็บกาย แต่ถ้าเจ็บใจแล้วก็คงจะไม่สุขหรอก ถ้าจะสุขและมีรักแล้วต้องสบายใจ แต่อาจจะไม่สบายกาย แต่ที่แน่ๆ นั้นความเกลียดไม่ได้นำพามาซึ่งความสุขเลย แม้ว่าในช่วงแรกความเกลียดอาจจะนำพาเราไปสู่การกระทำที่ทำให้เกิดความสะใจ ความมันส์ การบันดาลโทสะ แต่มันก็เป็นสุขจอมปลอม เดี๋ยวความทุกข์ก็กลับเข้ามาทั้งกายและใจ

ความสุขปลอมๆเป็นอย่างไร ก็เป็นความสุขทางกายที่ไม่ได้ทำให้สุขใจ อย่าถามผมเลย ผมว่าทุกคนผ่านเรื่องอย่างนี้มาหมดแล้ว ไม่ต้องถาม ลองไปถามตัวเอง ลองสังเกตุตัวเองดูสิครับ ลองเรียบเรียงสังเกตุความคิดของตัวเองดู แล้วคุณก็จะเห็นทุกอย่างที่เป็นสุขและเป็นทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ แต่มันอยู่ที่คุณจะเป็นเจ้านายชีวิตของคุณเองหรือไม่ ควบคุมชีวิตของคุณเองได้หรือไม่ หรือจะให้เจ้าอารมณ์ที่คุณสร้างขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัวมาทำลายความสุขในชีวิตของคุณเองไป

ที่สุดแล้ว “รัก”เท่านั้นที่ทำให้เกิดความสุข แต่รักปลอมๆ ที่ทำให้สุขนั้นไม่ยั่งยืน รักเทียมๆ ที่ทำให้สุขนั้นกลายเป็นความทุกข์ใจ ดังนั้นเรื่องของรักก็กลายเป็นเรื่องของใจที่มีพื้นฐานมากจากจิตวิญญาณ (Soul) โดยเฉพาะใจของคน ใจระหว่างคนสองคน และใจระหว่างคนหลายๆ คน โดยปกติเราเริ่มความรักจากอารมณ์ซึ่งเกิดจากปฏิกริยาทางชีววิทยาในร่างกายเราแล้วจึงมีผลต่อสมองและความนึกคิดของเรา ทำให้เราตัดสินใจทำอะไรต่างๆ ลงไปเพื่อความสุขกายและสุขใจ แต่ผลที่ได้จะเป็นสุขหรือทุกข์ก็เป็นไปได้ แล้วความรักที่ปราศจากอารมณ์นั้นมีอยู่หรือไม่ ผมตอบว่า มีแน่นอนในสังคมสิ่งมีชีวิตของมนุษย์ นั่น คือ ความรักของพ่อแม่ ความรักของคู่รักสามีภรรยา ความรักของหมู่คณะ ความรักชาติบ้านเมือง

ความรักส่วนใหญ่เกิดจากอารมณ์ในเบื้องต้น แต่จะยั่งยืนและสร้างสุขได้หรือไม่นั้น ก็เกิดจากจิตใจหรือจิตวิญญาณที่อยู่ในตัวมนุษย์ (Human Soul) นั่นเอง จิตวิญญาณนั้นจะทำให้ความรักเหล่านี้บริสุทธิ์ ทำให้ความรักเหล่านี้อยู่ได้อย่างยั่งยืน แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าจิตวิญญาณของเรานั้นไม่บริสุทธิ์พอหรือมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็จะพังทลายลง ความรักในครอบครัวก็จะร้าวฉาน ความรักกันในสังคมก็จะแตกแยก กลุ่มคนหรือสังคมในประเทศก็จะล่มจม แล้วเราจะขัดเกลาจิตวิญญาณของเราได้อย่างไรที่จะลดความเห็นแก่ตัวลง เราคงจะต้องแบ่งปันกันมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานของอารมณ์ที่จะนำไปสู่ความรักที่แท้ รักกันที่ใจ ไม่ใช่แค่รักกันที่กาย รักพ่อรักแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อน รักองค์กร และรักกันทุกๆคน รักประเทศชาติ สุดท้ายเราต้องรักธรรมชาติและรักโลกด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะไม่อะไรและไม่มีหลงเหลือให้รักอีกต่อไป แม้แต่ตัวเราเอง.


สำหรับวันวาเลนไทน์ 2555 นี้ ผมก็ขอส่งมุมมองความรักในแบบของผมให้กับเพื่อนๆทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขมากๆครับ แบ่งปันรักกันไปให้ทั่วถึงนะครับ