ไม่ได้เขียนอะไรเป็นเวลานานมากๆ ประมาณ 3 อาทิตย์ถ้าจะได้ แต่ผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆครับ ก็อ่านค้นคว้าแนวคิดอะไรๆ ที่เป็นเรื่องใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ หลบไปอ่านหนังสือหาความรู้จริงๆ ใหม่ๆ สักพัก มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากสำหรับผมมาก ที่ว่างเว้นจากการเขียนไปนานๆ แล้วจะกลับมาเขียนใหม่ ไม่อยากจะเขียนอะไรเรื่อยๆ เปื่อยๆ เหมือนกับที่เขียนอยู่ในเวลานี้ มันเป็นความจริงที่ว่า ผมน่าจะเขียนมุมมองอะไรบางอย่างให้ได้ทุกวัน นั่นน่าจะเป็นข้อกำหนดที่ควรจะทำสำหรับการเขียน แต่ผมก็ไม่น่าจะทำได้อย่างง่ายๆ นัก ผมต้องมีวินัยสักหน่อย
เมื่อตอนตื่นนอนวันนี้ ผมนึกถึงคำพูดคำหนึ่ง คือ อุดมสมบูรณ์ ซึ่งน่าจะมีความหมายอะไรบ้าง ผมมองเป็นสองคำ คือ อุดมและสมบูรณ์ ทั้งสองคำนี้ไม่น่าจะมีความหมายเหมือนกัน อุดมนั้น ผมนึกถึงความหลากหลาย ความมากพอ แต่จะเป็นจำนวนเท่าใดก็ไม่รู้ ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นเท่าไหร่ที่จะพอเพียงกับความต้องการของมนุษย์เรา แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ โน้ส อุดม ส่วนคำว่าสมบูรณ์นั้นผมมองว่าก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวนที่มากมายเช่นกัน มีแค่สองก็อาจจะสมบูรณ์ได้แล้ว ความสมบูรณ์นี้ผมจะหมายถึงว่า เมื่อมารวมกันแล้วต้องได้ประโยชน์ เคยได้ยินเวลาเราทำงานหรือใครก็ตามที่เขาทำงานกัน เมื่องานนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ นี่ไงครับ ความสมบูรณ์ คือ ความครบถ้วนสามารถใช้ประโยชน์ได้ ลองหันกลับมาดูตัวเอง ดูสังคมเราเองแล้ว ดูเหมือนว่าสังคมเรา ชีวิตเรานั้นอุดมไปด้วยทรัพยากรต่างๆ มากมาย แต่ชีวิตก็ยังดูไม่สมบูรณ์
ใช่ครับเมื่อก่อนนี้บ้านเมืองเราอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก คนเราก็มีอยู่ไม่มากมายอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ดูสมบูรณ์เพราะทุกอย่างสามารถใช้ประโยชน์ได้หมด ทุกคนในสังคมมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข (หรือเปล่า ไม่รู้) แต่พอโลกเจริญขึ้น เศรษฐกิจเจริญขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ลองดูชีวิตเราที่ผ่านมา 10-20 ปี ว่าเรามีทรัพยากรต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้นอีกเท่าไหร่ เราชีวิตเราสมบูรณ์หรือมีความสุขขึ้นมากเท่าไหร่หรือไม่ คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือไม่ ข้อมูลสารสนเทศต่างๆได้ถูกป้อนเข้าไปในสมองเราอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ตลอดเวลาที่เรายังมีสติ และบางครั้งอาจจะเข้าไปอยู่ในความฝันของเรายามเราหลับอยู่ด้วยก็ได้ ความต้องการของมนุษย์เราก็เปลี่ยนแปลงไป เราต้องการมากขึ้น ไม่ว่าสิ่งที่เราต้องการนั้นจำเป็นต่อการดำรงชีวิตหรือไม่ แต่มันเป็นความอยาก อยากได้ อยากกิน มันเป็นกิเลส เราจึงต้องการไม่รู้จบ ความสมบูรณ์ของชีวิตจึงไม่มี ความสุขในชีวิตจึงไม่มี เราจึงได้เห็นความอุดมของทรัพยากรวัตถุสินค้าและผลิตภัณฑ์การบริการต่างๆมากมาย ในห้างสรรพสินค้าและสถานบริการต่างๆ เต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้จะเติมเต็มชีวิตของคุณให้สมบูรณ์ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับใจของคุณเองว่า แค่ไหนถึงจะสมบูรณ์ ไม่ใช่ให้ใครหน้าไหนในสังคมมาบอกคุณหรือคำโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายมาบอกว่า ชีวิตคุณต้องมีอย่างนี้อย่างนั้น คุณถึงจะมีความสุข บางครั้งลองนึกถึงช่วงเวลาสั้นๆที่คุณมีความสุขจริงๆ คุณต้องใช้ทรัพยากรอย่างอุดมหรือไม่ ความสมบูรณ์นั้นอยู่ที่ใจมากกว่า ถ้าใจเราพอ ความสุขก็อยู่ที่ใจนั่นเอง ครับ!